อยากชวนทุกคนมาสำรวจความรู้สึก สุขภาพจิต ของทุกคนกัน บางครั้งการเราก็กำหนดขอบเขตตัวเราเองว่าการมีสุขภาพจิตที่ดีต้องมีความสุขเท่านั้น
Lisa damour “การมีสุขภาพจิตที่ดี ไม่ได้หมายถึงว่าต้องมีความสุขตลอดเวลา แต่มันคือการรับรู้และแสดงอารมณ์ที่เหมาะสมกับสถานการณ์รอบตัว
และสามารถจัดการ/รับมือกับอารมณ์เหล่านั้นได้อย่างเหมาะสม
เป้าหมายที่แท้จริงไม่ใช่การจำกัดความเศร้า ความกังวล หรือความโกรธ แต่เป็นการมองอารมณ์เหล่านี้อย่างเข้าใจและไม่ปล่อยผ่านให้มันมานิยามตัวตนของเรา”
ทุกคนคิดเห็นยังไงกับประโยคนี้บ้าง เคยไหมที่เวลาเจอเรื่องอะไรที่เข้ามากระทบกับจิตใจเรา เหมือนว่าเราจะยอมรับสิ่งนั้นได้
แต่จริง ๆ แล้วในใจเราลึกๆ เรายังยอมรับไม่ได้ เรื่องนั้นยังคอยมาวนเวียนอยู่ในความคิดของเรา บางครั้งสิ่งนั้นก็ทำงานกับจิตใจเรามาก ๆ
จนเรารู้สึกไม่ดี ทั้งที่เรื่องนั้นมันผ่านมาแล้ว แต่เราไม่โฟกัสกับปัจจุบันเองแทนที่เราจะมีความสุขกับสิ่งตรงหน้าแต่เรากลับทุกข์ใจกับเรื่องที่เกิดขึ้นแทน
ความคิดที่ไม่ดีที่เผลอคิดออกมาแบบไม่รู้ตัว
ถ้าสมองของเราคิดแต่เรื่องไม่ดีที่เกิดขึ้นซ้ำไปซ้ำมา ยิ่งพยายามหยุดคิด แต่สิ่งนั้นก็วิ่งกลับมาหาเรา เชื่อว่าไม่มีใครอยากเป็นแบบนี้
และไม่ชอบตอนที่ตัวเองเป็นแบบนี้แน่ ๆ ซึ่งสิ่งที่พูดไปก็คือการที่เราคิดมาก คิดไม่หยุด overthinking คิดวนหาจุดลง จุดสิ้นสุดไม่เจอ
ถึงแม้จะมีภาพรวมกว้าง ๆ ว่าสิ่งที่เราคิดมันไม่ได้มีแต่ข้อที่ไม่ดี ข้อดีก็มีแต่เราก็โฟกัสแต่สิ่งที่ไม่ดีจนความคิดนั้นทำร้ายตัวเราเอง
การคิดมากเป็นกระบวนการธรรมชาติของมนุษย์เรา และการคิดมากก็ไม่ใช่เรื่องผิดปกติเพราะสมองก็มีหน้าที่ในการคิดอยู่แล้ว
แต่ถึงอย่างนั้นการที่เราคิดมากแต่สิ่งที่ไม่ดีก็ไม่ได้เฮลตี้กับสุขภาพจิตของเราอยู่ดี
ทุกคนลองคิดดูนะถ้าเรามีแต่พลังความคิดที่มันลบกับตัวเรา เหมือนเรากำลังเป็นนักสะสมความทุกข์ใจ มวลรอบตัวเราที่แผ่ออกไปคงจะดูซึมมากแน่ ๆ
นอกจากความคิดมากที่ทำร้ายเราแล้ว ก็ยังมีอีกสิ่งนึงที่เรียกว่า Intrusive thoughts หรือ ‘ความคิดแทรกซ้อน’
ซึ่งเป็นความคิดที่รบกวนจิตใจ การใช้ชีวิตประจำวัน และยากที่กำจัดทิ้ง เป็นความคิดที่อยู่ดี ๆ ก็โผล่เข้ามาทักทายให้เราหงุดหงิดใจเล่น ๆ
เช่น ทำไมคนนั้นถึงมองมาที่เราเราทำอะไรผิดรึป่าว ทำไมแฟนไม่โทรมาหาบ้างแฟนต้องมีคนอื่นแน่ ๆ มันคือเสียงในหัวที่เราสร้างจิตนาการถึงสิ่งแย่ๆ
Intrusive Thought เกิดจากการที่สมองพยายามจัดการกับความไม่แน่นอนในชีวิต เป็นกลไกในการวิวัฒนาการของมนุษย์
จากการคิดถึงเรื่องแย่ๆ ไว้ก่อน ในการป้องกันและรับมือกับเรื่องไม่ดีที่อาจจะเกิดขึ้นได้ในอนาคต และอาจเกิดขึ้นเมื่อมีภาวะเครียด วิตกกังวล หรือซึมเศร้า
การมีสุขภาพจิตที่ดี?
ถ้าแนวอ้างอิงของ who ที่เคยให้ความหมายของคำว่า สุขภาพจิตที่ดี หมายถึง “ สภาวะแห่งความสมบูรณ์ทางร่างกาย จิตใจ
และสุขภาวะทางสังคม ไม่ใช่เพียงการปราศจากโรคภัยไข้เจ็บเท่านั้น”
มันก็คือการที่เรา แข็งแรงทั้งร่างกายและจิตใจ แข็งแรงในที่นี้ไม่ได้หมายถึงว่าเราจะต้องมีแต่ความสุข แต่หมายถึงถ้าวันไหนมีแรงเสียดทานที่เป็นความทุกข์
หรือความเศร้าเราต้องพร้อมรับมือมันต่างหาก
แต่การมีสุขภาพจิตที่ดีของแต่ละคนอาจจะแตกต่างไปก็ได้นะ ถ้าเรารู้ความหมายที่คนส่วนใหญ่ตั้งไว้กัน
หรือไปถามคนอื่นว่าสุขภาพจิตที่ดีของแต่ละคนคืออะไร แล้วถ้ามันไม่เหมือนของตัวเองเลย
หรือรู้สึกว่าตัวเองไม่ได้เป็นคนแบบนั้นคนที่สุขภาพจิตดี อย่ากดดันและกังวลกับสิ่งที่เรากำลังเป็นอยู่
ถึงแม้ว่าเราจะไม่ได้มีความสุข เรากำลังเศร้า เราไม่ได้ยิ้ม ไม่ได้แปลว่าเราจะมีสุขภาพจิตที่ดีไม่ได้สะหน่อย ช่วงเวลานี้ที่เกิดขึ้นมันเกิดขึ้นแต่สักวันมันก็จะผ่านพ้นไปเหมือนกัน
1.การอยู่กับปัจจุบัน
ทำไมการอยู่กับปัจจุบัน ถึงสำคัญ ทำไมมายถึงย้ำเตือนบ่อย ๆ
เพราะการอยู่กับปัจจุบันได้จะทำให้เราลดความเครียดที่เกิดขึ้นได้ มนุษย์ anxiety แบบเราที่ขี้กังวลถึงอนาคตมาก ๆ จนไม่อนุญาติให้ตัวเองได้ enjoy the moment
สิ่งตรงหน้าได้ ถ้าเรานับรวม ๆ เวลาในการใช้ชีวิตของเราแล้วเราใช้เวลาในการกลัวในสิ่งต่าง ๆ มากกว่าการมีความสุขหรือเปล่า?
ซึ่งเราฟังแล้วก็รู้สึกว่ามันใช่มาก ๆ เพราะอย่างนั้นแล้วอยากบอกทุกคนว่า ‘อย่าห่วงตัวเองในอนาคตจนหลงลืมตัวเองในปัจจุบัน’
อนุญาตให้ตัวเองมีความสุขกับสิ่งตรงหน้ามาก เราปล่อยให้เวลาทำงานทำหน้าที่ของมันบ้างก็ได้
ถ้าเรามีความกังวลมาก เอเนอจี้ของเราก็ถูกปล่อยออกมาแบบกังวลๆ เราอาจจะเผลอทำกิจกรรมที่ทำให้เราไม่มีความสุข สีหน้า ท่าทางของเรา ค่อยๆฝึก ๆ ค่อยๆ ปรับไปพร้อม ๆ กับมายกันนะ
2. การฝึกสติแบบ mindfulness
mindfulness คือ การฝึกสติ ให้รู้เท่าทันอารมณ์ ความรู้สึก ความคิดตัวเอง เป็นสิ่งที่จะช่วยเราได้จากความเครียด ความทุกข์ใจ ความกังวลต่าง ๆ
แต่สิ่งที่อยากคือเราต้องหมั่นฝึกฝนและทำแบบต่อเนื่อง เมื่อเราทำได้แล้ว mindfulness จะพาเราไปสู่การปล่อยวาง
รู้สึกตัวเบาขึ้น จากสิ่งต่าง ๆ ที่เข้ามากระทบความรู้สึกของเรา โดยสิ่งที่จำเป็นจะเกี่ยวกับเครื่องมือแรกคือ เราต้องใส่ใจต่อสิ่งต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นในขณะปัจจุบัน
- การสังเกต – การคุยกับตัวเองในหัว ว่ากำลัง คิด รู้สึก อารมณ์แบบไหน
-
Meditation การฝึกทำสมาธิ มันคือวิธีเบสิคที่ทำให้เราอยู่กับปัจจุบัน ให้เวลากับตัวเองสัก 5-10 นาทีในการหลับตาและกำหนดลมหายใจ
- ให้เวลากับความเงียบกับตัวเอง หรือ body scan หาที่เงียบ ๆ แล้วสัมผัสสสิ่งที่อยู่รอบตัวในปัจจุบันเพื่อดึงตัวเองกลับมากับสิ่งที่อยู่ตรงหน้า ไม่คิดมากถึงอดีตและกังวลถึงอนาคต
- ยอมรับและรับรู้ในสิ่งที่เกิดขึ้น และเปลี่ยนสิ่งนั้นให้เป็นแรงขับที่จะพาเราก้าวผ่านไปได้ เช่น เวลาที่เรารู้สึกไม่ดี ..
3.การขยับร่างกาย
มีงานวิจัยงานนึงบอกว่าคนที่ไม่มีความสุขทางใจจะไม่ค่อยขยับตัว เมื่อร่างกายไม่ขยับตัวทำให้ร่างกายไม่ผลิตฮอร์โมนแห่งความสุขที่เรียกว่าโดปามีน
ซึ่งโดยปกติแล้วร่างกายของมนุษย์แบบเราถูกออกแบบมาให้ขยับตัวตั้งแต่สมัยดึกดำบรรพ์ ขยับตัวไปออกอาหาร ขยับตัวสร้างที่อยู่อาศัยเพื่อหลบภัย
แต่ในปัจจุบันที่เราไม่ต้องไปหาอาหาร หรือสร้างบ้านเองเหมือนเมื่อก่อน ความสะดวกสบายที่เกิดขึ้นก็แลกมากับการที่เราไม่ได้ปฏิสัมพันธ์กับร่างกายเท่าสมัยก่อนเหมือนกัน
Post Views: 11