ความเสียดาย

ความเสียใจที่ทำลงไป และเสียดายที่ทำไม่ทัน

เรื่องAdminAlljitblog

เพราะมนุษย์เราไม่ได้มีญาณวิเศษที่จะทำให้รู้อนาคตได้ว่าอะไรจะเกิดขึ้น ทำให้ความคิดที่ว่า ‘ถ้ารู้อย่างนี้ น่าจะ…’ นั้นเกิดขึ้นเสมอ

 

เพราะสุดท้ายชีวิตเราก็ต้องเลือกสักทางอยู่ดี แล้วทางไหนจะเจ็บปวดกว่ากัน ระหว่าง “คิดไว้แต่ไม่ได้ทำ” หรือ “ทำลงไปโดยไม่คิด”

 

 

 

เพราะคำว่า ‘ถ้า’ ทำให้ชีวิตเปลี่ยน

 

ความเสียดาย เป็นอารมณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อรู้สึกพลาดโอกาสบางอย่างหรือทำในสิ่งที่ส่งผลไม่ดีตามมา

 

ทำให้เกิดความครุ่นคิดถึงความเป็นไปได้ที่ดีกว่าความเป็นจริง แม้ว่าเราจะตัดสินใจเลือกเส้นทางหนึ่งไปแล้ว

 

แต่มนุษย์เราก็สามารถสร้างจินตนาการที่แตกต่างออกไปจากสิ่งที่ตัดสินใจเลือกแล้วได้มากมายหลายร้อยรูปแบบ

 

และเกิดการเปรียบเทียบว่า ถ้าเราเลือกทางอื่น ถ้าทำในสิ่งที่ต่างออกไป ชีวิตเราจะเป็นยังไงกันนะ

 

เพราอะไรคนเรามักติดกับดักกับคำว่า ‘ถ้า’ “ถ้าเป็นอย่างที่คิดก็ดีสิ” “ถ้าวันนั้นเลือกอีกทางหนึ่ง เราจะเหนื่อยขนาดนี้มั้ยนะ”

 

แต่ถึงอย่างนั้นความเสียดายก็ทำให้รสชาติความเป็นมนุษย์เราเข้มข้นขึ้น ในความเสียดายอาจมีความเสียใจ ความผิดหวังซ่อนอยู่

 

เป็นอารมณ์ความรู้สึกที่ซ้อนทับกันไปมา จนบางครั้งก็สานต่อไปยังความเศร้า ความหงุดหงิดให้กับเรา

 

และมีความเป็นไปได้ที่จะติดตรึงใจเราไปหลายช่วงเวลา แต่นั่นก็ทำให้เรารู้ซึ้งถึงการเป็นอยู่ของชีวิตในแต่ละครั้ง

 

 

ประเภทของความรู้สึกเสียดายออกเป็น 4 ประเภท 

 

ประเภทแรก แทบจะเรียกว่าเป็นความเสียดายที่เบสิคมาก นั่นคือเรื่องของความมั่นคง

 

เช่น เสียดายที่ไม่ตั้งใจเรียนให้มากกว่านี้ / น่าจะดูแลสุขภาพของตัวเองให้ดีกว่านี้ หรือ น่าจะเริ่มเก็บหอมรอมริบตั้งแต่เนิ่น ๆ

 

โดยหนังสือแนะนำว่า หากเราไม่อยากให้เกิดความเสียดายประเภทนี้ สิ่งที่เราควรทำคือ วางแผนชีวิตให้รอบคอบ และเริ่มลงมือทำในสิ่งที่จำเป็นค่ะ 

 

ประเภทที่สอง เสียดายที่ขาดความกล้า การไม่ได้ทำอะไรบางอย่าง หรือการพลาดโอกาสบางอย่างไป เพราะกลัวความเสี่ยงที่จะตามมา

 

ประมาณว่า น่าจะเที่ยวตั้งแต่ตอนอายุน้อย ตอนที่ยังมีแรง / น่าจะเรียนในสิ่งที่ชอบแทนที่จะเรียนตามคนอื่น / เสียดายที่แคร์คนอื่นมากไปจนไม่เป็นตัวของตัวเอง

 

ดังนั้น ความจริงใจและความซื่อสัตย์กับตัวเอง คือ สิ่งที่สะท้อนสอนเราในความเสียดายประเภท

 

ประเภทที่สาม เสียดายความสัมพันธ์ อาจเพราะความห่างเหินที่ถูกกำหนดด้วยการผันเปลี่ยนของห้วงเวลา

 

ทำให้เกิดความเสียดายไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการไม่ได้ปรับความเข้าใจผิดกับคนใกล้ชิดที่เราอาจคิดไปเองว่าเขาคงไม่อยากคุยกับเราแล้ว

 

ความเสียดายที่ไม่ได้บอกรักหรือแสดงออกความรักให้มากกว่านี้เหตุการณ์ต่าง ๆ เหล่านี้มักย้ำเตือนกับเราว่า หากยังมีเวลาก็จงทำในสิ่งที่ยังทำได้ในทันที

 

แต่หากความสัมพันธ์นั้นจบลงไปแล้ว ก็จงรักษาความสัมพันธ์ที่ยังมีอยู่ให้ดียิ่งขึ้นเพื่อไม่ให้เสียดายหรือเสียใจภายหลัง

 

และประเภทสุดท้าย บ่อยครั้งที่เราเลือกทำสิ่งที่ง่าย เลือกทำตามสัญชาตญาณ หรือทำเพราะอารมณ์ชั่ววูบแล้วเกิดความละอายใจในศีลธรรม

 

อยากแก้ไขในสิ่งที่ผิดพลาดไปแล้วในภายหลัง เช่น ไม่น่าแกล้งเพื่อนตอนสมัยเรียนเลย / ไม่น่านอกกายหรือนอกใจคนรักเลยจริง ๆ 

 

เสียดายที่ไม่ตั้งใจทำหน้าที่ตอนยังมีโอกาสอย่างเต็มที่ อาจจะฟังดูเป็นความเสียดายที่พบได้น้อยกว่าความเสียดายประเภทอื่น

 

แต่หากเกิดขึ้น คงเป็นความเสียดายที่ฝังลึกมากที่สุดเลย เพราะฉะนั้น ไม่ว่าจะเกิดเรื่องอะไรที่ทำให้เราเคลือบแคลงใจก็ตาม สิ่งที่ควรทำที่สุด คือ ให้เราเลือกทำในสิ่งที่ถูกต้องก็พอ

 

 

ตัดสินใจยังไงให้ไม่เสียดายทีหลัง

 

การตัดสินใจเลือกในแต่ละสถานการณ์ก็มีความยากง่ายแตกต่างกัน เพราะทุกเส้นทาง ย่อมมีความสำคัญในแง่มุมต่าง ๆ

 

การถามเพื่อทบทวนตัวเองจึงเป็นเรื่องที่จำเป็นและสำคัญก่อนการตัดสินใจ

 

โดยเราอาจเริ่มพิจารณาจากคุณค่าและความสำคัญของแต่ละเหตุการณ์ ชั่งน้ำหนักข้อดีข้อเสีย ผลดีผลเสียซึ่งจะสะท้อนให้เห็นว่าเราให้ความใส่ใจกับสิ่งใดมากที่สุด

 

เนื่องจากสิ่งที่เราต้องการแสดงความใส่ใจนั้น อาจส่งผลต่อชีวิตเรา หรือความสัมพันธ์ในระยะยาวของเรา

 

ถามตัวเองถึงความรู้สึกในระยะยาว ลองจินตนาการว่าหลังจากผ่านเหตุการณ์ไปแล้ว เราจะเสียใจไหมหากไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์ใดเหตุการณ์หนึ่ง

 

หรือจะเสียใจทีหลังมั้ยถ้าไม่ทำตอนนี้ รวมถึงเรายังจะชอบตัวเองอยู่รึเปล่าถ้าตัดสินใจทำลงไปแล้ว 

 

ขณะพิจารณา เราก็อาจจะยังไม่รู้ได้ชัดเจนว่าเราจะชอบหรือไม่ชอบตัวเองในอนาคต แต่คนที่รู้จักตัวเราดีที่สุดก็คือตัวเราเอง

 

เพราะฉะนั้น หากทบทวนและได้คำตอบชัดเจนแล้ว ก็เลือกเส้นทางนั้นได้เลย และอย่าลืมว่า การตัดสินใจไม่มีถูกผิด

 

เพราะมันขึ้นอยู่กับสิ่งที่เราให้คุณค่าและความสำคัญขณะนั้นมากที่สุด

 

แต่ในกรณีที่หากทางเลือกทั้งสองมีบุคคลอื่นมาเกี่ยวข้องและเป็นปัจจัยสำคัญในการตัดสินใจ ก็จะมีเรื่องของการปรึกษาและสื่อสาร

 

การบอกเล่าความรู้สึกภายในใจเพิ่มขึ้นมาหลังจากที่เราทบทวนลำดับความสำคัญในข้อแรกได้แล้ว

 

ในขั้นนี้สำหรับเพื่อน ๆ บางคน อาจฟังดูลำบากใจที่จะพูดคุยกันกับอีกฝ่าย แต่การสื่อสาร อาจทำให้เกิดทางเลือกที่นำไปสู่ความประนีประนอมได้

 

เช่น ขอเลื่อนแพลนนี้ไปก่อนหากเป็นไปได้ เพราะอีกแพลน เป็น  แพลนที่บังคับเข้มงวดกว่า ซึ่งจะทำให้ง่ายต่อการตัดสินใจเลือกอีกทางได้อย่างเต็มที่ 

 

จากนั้นลองประเมินถึงผลกระทบความสัมพันธ์ ถ้าเป็นทางเลือกที่มาเจอกันตรงกลาง เราสามารถเลือกทั้งสองทางได้ คงดีไม่ใช่น้อยเลย

 

แต่หากต้องเลือกทางใดทางหนึ่งโดยฝั่งที่ไม่ได้ถูกเลือกอาจเกิดความเสียใจ ก็ให้อธิบายเหตุผลให้พวกเขาเข้าใจ

 

หรือพยายามแสดงความใส่ใจในรูปแบบอื่นก็ได้ เช่น หาทางร่วมกิจกรรมในครั้งหน้าแทน … และสุดท้ายก็ถามความรู้สึกตัวเองในระยะยาวเช่นเดิมว่าเราจะรู้สึกดีกับทางเลือกไหนมากกว่ากัน 

ความรู้สึกเสียดาย ทำให้รู้ว่าเสียงในใจมีค่า

 

ความเสียดายจะลดลง หากเราไม่ปล่อยให้ถูกบดบังด้วยความกลัวหรือความลังเลที่จะทำด้วยข้อมูลที่มีขณะ

 

เพราะความรู้สึกเสียดายทำให้รู้ว่าเสียงภายในใจนั้นสำคัญแค่ไหน ดังนั้นขอให้เรารับรู้และสังเกตสิ่งที่เกิดขึ้นกับตัวเอง

 

ดีกว่าวิ่งหนีจากความรู้สึกชั่วคราวเพราะสุดท้ายเราก็จะวิ่งหนีมันไม่พ้นอยู่ดี เราจะกลับมารู้สึกเสียดายมันใหม่และวนลูปแบบนี้ไปเรื่อย ๆ

 

หากเราไม่ยอมรับสักที ความรู้สึกแย่กับตัวเองมันก็จะกดเราจนจมไปกับกองน้ำตาแห่งความเสียใจ เสียดาย

 

อีกทั้งความรู้สึกแย่ ๆ เหล่านั้นก็ไม่ได้มีคาถาเวทมนตร์อะไรที่ทำให้สิ่งที่เกิดขึ้นนั้นเปลี่ยนแปลงไป แต่กลายเป็นเราเองค่ะที่จะถูกบั่นทอนทั้งความคิดแและจิตใจ

 

ให้มองว่ามันเป็นเรื่องธรรมดาที่เราต้องเลือกระหว่างสิ่งสองสิ่ง ซึ่งการเลือกแค่เพียงหนึ่ง มันอาจจะทำให้เราเจ็บปวดนิดหน่อยหรือสุขใจมากแค่ไหนก็ตาม

 

แต่เราก็ไม่จำเป็นต้องโทษตัวเองที่เลือกทางนี้หรือเลือกทิ้งอีกเส้นทาง เพราะตัวเราในวันนั้น ถือเป็นตัวเราที่กำลังเผชิญกับสถานการณ์นั้นโดยตรง

 

ไม่ใช่เราในอนาคตที่มองกลับมาเห็นและรู้ทุกอย่างว่าจะเกิดอะไรขึ้น การตัดสินใจของตัวเราในวันนั้น เป็นการตัดสินใจอย่างเหมาะสมที่สุดแล้ว

 

และบางครั้ง การตัดสินใจที่ถูกต้องที่สุดอาจเป็นสิ่งที่เรารู้สึกว่า ‘ถูกต้อง’ สำหรับเรา ไม่ได้มาจากเหตุผลใด ๆ ก็ได้…ในอีกมุมหนึ่ง

 

พลังของความรู้สึกเศร้าเสียดายก็สามารถผลักดันให้ครั้งต่อไป เราจะใช้เวลาไตร่ตรองการกระทำของเรามากขึ้นเพื่อเลือกทางที่ตัวเองจะไม่รู้สึกพลาด

 

ไม่รู้สึกเสียดายภายหลัง เผลอ ๆ บางที เราอาจจะรู้สึกซาบซึ้งถึงสิ่งที่มีอยู่ตอนนี้มากขึ้นจากการตัดสินใจครั้งนี้ก็ได้ค่ะ 

 

และไม่ว่าท้ายที่สุดเราจะเลือกทางใดก็ตาม อย่างน้อยประโยชน์ที่เกิดกับตัวเรา นั่นก็คือการได้เรียนรู้ชีวิตในส่วนอื่น ๆ จากเรื่องราวครั้งนั้น

 

Related Posts