ไม่ว่าจะวัยไหน ๆ ใคร ๆ ก็อยากประสบความสำเร็จในสิ่งที่ตัวเองคาดหวังและตั้งใจกันทั้งนั้น
การหาสมดุลของวิธีการคิดและลงมือทำที่จะนำไปสู่เส้นชัยแห่งความสำเร็จด้วยตัวเองจึงเป็นเรื่องสำคัญ
คิดแบบเด็ก ทำแบบผู้ใหญ่ คืออะไร
“คิดแบบเด็ก ทำแบบผู้ใหญ่” พอมาตกตะกอนกับตัวเองดี ๆ ก็รู้สึกว่า ถ้าพูดถึงคนในวัยทำงาน
การเป็นผู้ใหญ่วัยกลางคนที่มีความสดใสและสร้างสรรค์อย่างเด็ก มันจะเป็นยังไงกันนะ
คิดแบบเด็ก คือ ความคิดที่มีอิสระ ไม่เขินอายที่จะจินตนาการ ไม่มีกฎเกณฑ์หรือกติกาในการคิดว่าให้คิดอยู่ในกรอบเท่านั้น
ทำให้เด็กหลายคนมักจะเกิดมุมมองที่ผู้ใหญ่ชื่นชมว่า เด็กคนนี้มีความคิดที่สร้างสรรค์
การลงมือทำแบบผู้ใหญ่ คือ การทำงานที่มีการวางแผน คิดก่อนทำ สามารถประเมินผลงาน พัฒนางาน บริหารจัดการเวลาและงานต่าง ๆ ได้อย่างรัดกุม
เมื่อนำความคิดแบบเด็กมารวมกับการทำงานแบบผู้ใหญ่ ผลงานที่ออกมาก็จะมีความโดดเด่น
น่าสนใจด้วยความคิดจินตนาการและการลงมือทำที่ทำให้จินตนาการนั้นเกิดขึ้นจริงและมีความสร้างสรรค์ ความเป็นไปได้
จริง ๆ ในแต่ละช่วงชีวิตเรา แน่นอนว่าบุคลิกนิสัยเราจะเปลี่ยนไปตามสภาพแวดล้อมรอบข้าง
ไม่ว่าเราจะเป็นคนแบบไหน ช่วงเวลาใด เพียงแค่เราต้องตอบตัวเองให้ได้ว่า ตอนนี้เราเป็นคนแบบไหน คนแบบไหนที่เราอยากเป็น และเราจะเป็นคนแบบนั้นได้อย่างไร
ลักษณะคนที่คิดแบบ…ลงมือทำแบบ…
คิดแบบเด็ก ทำแบบเด็ก จะเป็นการทำงานที่ขาดการวางแผน ขาดวินัย ไม่มีระเบียบขั้นตอน พูดง่าย ๆ คือ เอาความสนุกเป็นที่ตั้ง
สุดท้ายงานที่ออกมาก็อาจจะไม่เหมาะสมกับความสามารถที่แท้จริง
คิดแบบเด็ก ทำแบบผู้ใหญ่ คือ คนที่มีความคิดจินตนาการและลงมือทำด้วยการวางแผนที่ชัดเจน
ผลงานที่ออกมาก็จะมีความสร้างสรรค์แบบเด็กและเป็นไปได้ด้วยการลงมือทำแบบผู้ใหญ่ ก็จะทำให้ผลงานมีความน่าสนใจและมีโอกาสทำจนสำเร็จ
คิดแบบผู้ใหญ่ แล้วทำแบบเด็ก แบบนี้คงเดาไม่ยากใช่ไหมว่างานที่ออกมาก็อาจจะไม่ตอบโจทย์ที่ตั้งไว้
เพราะหากเราคิดการใหญ่ วางแผนไว้อย่างดีเหมือนผู้ใหญ่แต่ถึงเวลาดันลงมือทำงานแบบเด็กที่อาจจะมีความอดทนน้อย
อาจจะทำนอกขอบเขตที่วางไว้ ก็จะมีความขัดแย้งกันจนงานอาจจะไปต่อไม่ได้หรือมีความยากในการทำให้สำเร็จ
คิดและทำแบบผู้ใหญ่ การทำให้ตัวเองดูโตสุด แต่ถ้าเราลองมองว่าถ้ามีแต่ความเป็นผู้ใหญ่อยู่ในตัวตลอดเวลา
งานที่ออกมาก็อาจจะมีความน่าเบื่อ เรียบ ๆ เดิม ๆ ได้ ซึ่งถ้าถามว่าผิดไหมที่จะคิดและทำแบบผู้ใหญ่ ไม่ผิด
บางเวลาเราก็ต้องการและจำเป็นต้องใช้ความคิดและทำแบบผู้ใหญ่ เพียงแค่ระหว่างทางการทำงาน
บรรยากาศอาจจะไม่สนุกผ่อนคลายเท่าการใส่ความเป็นเด็กลงไปในงานด้วยเท่านั้นเอง
คิดแบบเด็ก ทำแบบผู้ใหญ่ ไม่ใช่การเป็นผู้ใหญ่ที่คิดแบบเด็ก
แต่ทั้งนี้ เพื่อน ๆ คิดว่า การคิดแบบเด็ก ทำแบบผู้ใหญ่ ความหมายต่างจากผู้ใหญ่ที่คิดแบบเด็กไหม
เมื่อพูดถึงผู้ใหญ่ที่คิดแบบเด็ก ส่วนใหญ่เราจะนึกถึงคนที่ตัวเป็นผู้ใหญ่แต่ความคิดยังเด็ก ไม่เหมาะสมกับวัยที่ควรจะเป็น
เพราะการคิดแบบเด็ก อาจจะมองได้สองนัยยะ นัยยะแรก ก็คือการนำมุมมองแง่ดีของเด็กมาทำให้เกิดประโยชน์อย่างที่เราพูดกันมา
เช่น ความคิดที่สร้างสรรค์ ไม่ยึดติดกรอบเดิม การใส่ความสนุกลงไปในงานที่ทำ
และการคิดแบบเด็กใน อีกนัยยะ คือ คิดอะไรก็ทำแบบนั้นโดยไม่ได้ไตร่ตรองให้ดีก่อน และถ้ามองลึกลงไปในความหมายนี้ ก็อาจมีความใกล้เคียงกับการคิดและทำแบบเด็ก
หากเปรียบให้เห็นภาพมากขึ้น คงเหมือนกับการที่ผู้ใหญ่คนนึงแต่งตัวดีใส่ชุดสูท แต่แต่ละความคิดที่พูดออกมา
ผู้ที่ฟังล้วนแต่ส่ายหน้าให้กับความคิดที่โตแต่ตัวเหล่านั้น แบบนี้คงไม่มีใครอยากพูดด้วย
เพราะการจะเป็นผู้ใหญ่ที่ดีอย่างเหมาะสม ต้องรู้จักการแสดงออก การวางตัว และการลงมือทำให้เป็นด้วย
เพราะการเป็นผู้ใหญ่ที่คิดแบบเด็ก เหมือนมันมีความไม่ชัดเจนแทรกอยู่ตรงที่คิดแบบเด็กแล้วจะลงมือทำแบบไหน
เราที่ฟังจะสามารถไว้ใจคนที่พูดแบบนี้ได้จริงไหม แต่การคิดแบบเด็ก ทำแบบผู้ใหญ่
มันมีแนวทางชัดเจนในตัวเองแล้วว่าถึงเราจะคิดแบบเด็กแต่เราจะลงมือทำแบบผู้ใหญ่ให้เห็น
คนฟังก็จะมีความมั่นใจในตัวเราได้มากกว่า ดังนั้น การเป็นผู้ใหญ่ที่คิดแบบเด็กก็ต้องดูที่วิธีการคิดและการลงมือทำอีกทีเนอะว่าคิดแล้วจะลงมือทำแบบไหน
ซึ่งสิ่งที่สำคัญที่สุดของการคิดแบบเด็ก ทำแบบผู้ใหญ่ คือ คน ๆ นั้นสามารถเป็นใครในวัยไหนก็ได้
เด็กประถมมัธยมก็สามารถเป็นคิดแบบเด็กและลงมือทำแบบผู้ใหญ่ได้เช่นกัน
วิธีการคิดแบบเด็ก ทำแบบผู้ใหญ่
คนไหนอยากทำงานด้วยความคิดที่สดใหม่แบบเด็ก และมีความมั่นคงแบบผู้ใหญ่
สามารถทำได้โดยเริ่มจากการคิดนอกกรอบแต่อยู่บนความเป็นจริง คือ การคิดแบบมีความสุข ตื่นเต้น กล้าคิดกล้าทำ อย่าเพิ่งกลัวไปก่อน
ไม่ยึดติดกับการคิดแบบเดิม และจินตนาการเหล่านั้นก็ต้องไม่แฟนตาซีจนเกินขอบเขตความเป็นจริงมากเกินไป
รวมถึงสามารถนำหลักทางจิตวิทยาต่าง ๆ มาใช้ร่วมด้วยก็ได้ ไม่ว่าจะเป็น
- จิตวิทยาการมองโลกในแง่บวก และจิตวิทยาความสุข ซึ่งก็คือการมองเห็นและคิดถึงความสุขเล็ก ๆ น้อย ๆ ระหว่างทางที่จะพาเราไปสู่เส้นชัยความสำเร็จ
- จิตวิทยาการรักตัวเอง เพราะเมื่อเรารักตัวเอง สิ่งที่ทำเพื่อตัวเอง เราก็จะคิดและทำแต่สิ่งดี ๆ และเมื่อเรารักตัวเองแล้ว มวลความสุขเราก็จะเผยแผ่ไปยังผลงาน เผยแผ่ไปถึงคนรอบข้างได้มีความสุขและชื่นชอบที่จะอยู่ใกล้เราก็อาจส่งผลให้เกิดการซัพพอร์ตกันและกันได้ จนนำไปสู่การสร้างมิตรภาพความสัมพันธ์ที่ดีร่วมกับผู้อื่น เพราะยังไงมนุษย์เราก็เป็นสัตว์สังคมและจะรู้สึกอบอุ่นใจเมื่อได้รับและให้ความรัก
ผลของการคิดแบบเด็กและทำแบบผู้ใหญ่
สุดท้าย ผลของการคิดแบบเด็กและทำแบบผู้ใหญ่ จะทำให้เรามีมุมมองความคิดที่ยืดหยุ่น สร้างสรรค์ กว้างไกล
เกิดความสนุกในการทำงาน และยังมีการตระหนักเท่าทันความคิดที่จะนำไปใช้แบบผู้ใหญ่
ความคิดเหล่านั้นย่อมมีโอกาสที่จะประสบความสำเร็จ และจะเกิดประโยชน์กับเราและสังคมได้แน่นอน
ในวันนี้ เราอาจจะตอบตัวเองไม่ได้ว่าเราเป็นคนแบบไหน อาจจะยังไม่ได้เป็นคนในแบบที่เราต้องการได้อย่างสมบูรณ์พอใจ
หรือบางคนก็อาจจะยังค้นหาตัวตนตัวเองอยู่ เพราะมิติของตัวตนมีหลากหลายมากมายเหลือเกิน
มีตัวเราในแต่ละเวอร์ชันอีกตั้งมากมายที่รอให้เราได้ค้นพบ ไม่ต้องกดดันตัวเองมากจนเกินไป ใช่ว่าตื่นมาพรุ่งนี้
เราจะต้องเป็นคนที่สมบูรณ์เพอร์เฟกต์ร้อยเปอร์เซนต์ พวกเราต่างกำลังเรียนรู้ความเป็นตัวเองอยู่ในทุกนาที
และถ้าเราเกิดความรู้สึกว่าอยากปรับปรุงตัวให้ดีขึ้น นี่ก็ถือเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีในการพาตัวเราเองไปสู่ตัวเองที่ดีขึ้น
Post Views: 2,246