“ มนุษย์เป็ด “แต่ละคนจะมีมุมมองของคำนี้แตกต่างกันไป บางคนอาจจะมองว่าการเป็นเป็ดนั้นเป็นเรื่องดี มีความสามารถรอบด้าน แต่กลับกันคนแบบเป็ดอาจจะถูกมองว่าไม่เอาไหน ไม่สุดสักอย่าง
การเป็นคนคนกลางๆ แบบมนุษย์เป็ด จะมีความสุขในแบบของเราได้อย่างไร?
ทัศนคติที่มีต่อ มนุษย์เป็ด เมื่อก่อน และปัจจุบัน
เมื่อก่อนเราจะรู้สึกว่าคำวาเป็ด เป็นคำพูดเชิงเสียดสี ทำให้รู้สึกไม่ค่อยดีกับการที่มีคนมาบอกว่าเราเป็นเป็ด เพราะมันดูไม่เก่งอะไรสักอย่าง ไม่เชี่ยวชาญอะไรสักทาง
แต่ในตอนนี้คำว่า มนุษย์เป็ด ดูจะเป็นคำเชิง positive เพราะในยุคที่มีการเปลี่ยนแปลงต่าง ๆ เกิดขึ้นมากมาย มนุษย์เป็ด กลับปรับตัวได้ดีในทุกสถานการณ์ ทำได้หลายอย่าง มีการพัฒนาที่ไม่สิ้นสุด
จากหนังสือ วิถีผู้ชนะ ฉบับคนเก่งแบบเป็ด บอกไว้ว่า
เมื่อ 20 ก่อน คนที่ประสบความสำเร็จ มักรู้สึกเก่งจริงในเรื่องเดียว แต่วิธีคิดนี้ กำลังล้าสมัยลงเรื่อย ๆ ผู้ชนะในสมัยใหม่กลับกลายเป็นเป็ด ซึ่ง มีความสามารถรอบด้าน นักธุรกิจตัวฉกาจ นักแสดงที่หลงไหล
หรือคนที่ก้าวหน้าในหน้าที่การงาน มักไม่ได้เก่งที่สุด แต่เขามักเอาตัวรอด ในหลายด้าน จึงเข้ากับผู้อื่นได้ง่าย และคว้าโอกาสใหม่ ๆ ได้เสมอ
คนที่ไม่ใช่ มนุษย์เป็ด คือเก่งในด้านหนึ่ง ๆ ไปเลยใช่ไหม?
David Epstein ได้กล่าวในเวที Ted Talk เรื่องความเชี่ยวชาญเฉพาะด้านไว้อย่างน่าสนใจว่า คนที่มีความเชี่ยวชาญเฉพาะด้าน ส่วนใหญ่จะฝึกความเชี่ยวชาญเฉพาะเรื่องมาตั้งแต่ยังเด็ก
ภายใต้กฎที่เรียกว่า “10,000 ชั่วโมง” คือ เรามีความต้องการจะเชี่ยวชาญในด้านไหน ก็ต้องฝึกฝนด้านนั้น ๆ หรือหาความรู้ในด้านนั้น ๆ อย่างน้อย 10,000 ชั่วโมง
มีคำว่าอะไรที่ใช้เรียก มนุษย์เป็ด บ้าง
1.“jack of all trades”
เป็นสำนวน ภาษาอังกฤษ แปลว่า รู้อะไรหลาย ๆ อย่าง แต่ไม่รู้จริง หรือ เก่งสักอย่างมาจากประโยคที่ว่า “jack of all trades and master of none” แจ็คในที่นี่ หมายถึง คนธรรมดา ๆ คนนึง
ที่มีความรู้พื้นฐานหลากหลายด้าน เช่น การทำกิจกรรมได้ทุกกิจกรรม กีฬาก็ได้ ดนตรีก็ได้ แต่ในศตวรรษที่ 20 ได้มีคนเริ่มใช้สำนวน Jack of all trade and master of none ในเชิงกระแนะกระแหน
ว่าคนที่เป็นคนที่มีความสามารถและความรู้เพียงเล็กน้อยแต่ก็ไม่ได้เก่งสักเรื่อง jack of all trades จึงสามารถใช้ในการชื่นชมและในเชิงกระแนะกระแหนนั่นเอง
ถ้าเราใช้คำว่า a jack of all trades is a master of none, but oftentimes better than a master of one. คือเติมประโยคต่อท้าย จะกลายเป็นคำชม บางครั้งเราอาจจะรู้สึกเจ็บปวดจากการเป็นเป็ดของเรา
ว่ามันไม่ถึง master แต่แบบไหนล่ะที่เรียกว่า master ใช้อะไรมาวัด บางครั้งความสามารถเราอาจจะเก่งกว่า master of one ก็ได้นะ
2.Multipotentialite
เป็นศัพท์ที่นักจิตวิทยาคิดค้นขึ้นมาตั้งแต่ศตวรรษที่ 19 เดิมเป็นคำที่ให้ความหมายด้านลบ สื่อถึงคนที่ทำอะไรหลายอย่างแต่ไม่เก่งจริงซักอย่าง แต่ สามารถทำงานได้หลากหลายสาขา มีความรู้หลายอย่าง
ถึงแม้ว่าจะไม่เชี่ยวชาญเฉพาะเรื่องใดเรื่องหนึ่งก็ตาม รวมถึงมีความยืดหยุ่น มีการพัฒนาตนเองอยู่เสมอ และพร้อมเรียนรู้จะสามารถเอาตัวรอดในสถานการณ์ที่ไม่มีความแน่นอนได้ดีกว่า
3.Renaissance man
คนที่ชอบหลายอย่างและเก่งหลายด้าน หรือเป็นผู้รู้รอบด้าน Renaissance ก็คือยุคฟื้นฟูศิลปวิทยาการ ที่มีอัจฉริยะครอบจักรวาลอยู่หลายคน จนคำว่า Renaissance man เป็นที่เข้าใจกันดีว่า
หมายถึงคนที่มีความสามารถและเก่งในทุกด้าน ตัวอย่างของ Renaissance man เช่น เลโอนาร์โด ดา วินชี, พีทาโกรัส, อริสโตเติล, อาร์คิมิดีส
4.เก่งกว้าง
คือ คนที่เก่งหลาย ๆ อย่าง
5.พหูสูต
คือ ผู้มีปัญญารอบรู้ ผู้รู้รอบด้าน เป็นปราชญ์เพราะเรียนรู้มามาก
พฤติกรรมของเป็ด
1.มีความสนใจหลาย ๆ อย่าง หลาย ๆ ด้าน
2.มีความสามารถหลายอย่างแต่ไม่ถึงกับเชี่ยวชาญ
3.รู้ว่าไม่ชอบอะไร แต่ ไม่รู้ว่าชอบอะไร
ข้อได้เปรียบของคนที่เราเรียกว่าเป็ด
1.ความสามารถในการสร้างสรรค์สิ่งใหม่ สามารถเชื่อมโยงสิ่งใหม่หรือสิ่งที่มีอยู่แม้ไม่มีความเกี่ยวข้องกันให้ไปด้วยกันได้ ซึ่งนั่นเป็นผลพลอยได้จากการที่เราเคยทำมาหลายอย่าง
2.ความสามารถในการปรับตัว เรียกได้ว่า ปรับตัวได้เก่งกว่ากิ้งก่าเสียอีก ด้วยความที่มีสนใจในหลายด้านนั้น นำมาซึ่งประสบการณ์มากมาย ทำให้คนกลุ่มนี้สามารถปรับตัวได้ดีไม่ว่าจะสถานการณ์รูปแบบไหน
3.ความสามารถในการเรียนรู้สิ่งใหม่ ชาว Multipotentialite เป็นคนเรียนรู้เรื่องใหม่ ๆ ได้เร็วกว่าคนปกติ เพราะได้ผ่านประสบการณ์หลากหลายรูปแบบ ทำให้มีพื้นฐานจากการลองทำผิดทำถูกในหลาย ๆ อย่าง
4.ความสามารถและทักษะหลากหลายด้าน ซึ่งเป็นคุณสมบัติในการทำงานของคนรุ่นใหม่
5.growth mindset
6.ในปัจจุบันองค์กรหลายองค์กรต้องการคนที่สามารถทำงานได้แบบ Multi-function
กฎ 5 ข้อ ที่จะทำให้เราเก่งแบบเป็ด จากหนังสือ วิถีผู้ชนะ ฉบับคนเก่งแบบเป็ด
1.เรียนทักษะหลาย ๆ ด้านแล้วใช้รวมกัน เช่น เรียน การตลาดออนไลน์มา หลังจากนั้นไป เรียน กราฟฟิค เพื่อทำคอนเท้้น หรือ AW ของตัวเอง
2.แต่เราต้องเก่งลึก ในระยะสั้น หมายถึง ถ้าเราลงเรียน คลาสกราฟฟิก ในช่วงเวลาหนึ่ง เราก็ต้องโฟกัส ตั้งใจในช่วงนั้น ไม่ใช่ ต้องเรียก จนเก่งที่สุด เรียน ยาาว ๆ 4 ปี
3.เก่งแค่ 80 % ไม่ต้องถึง 100 % หรือเก่งเท่าที่ตั้งใจไว้ ให้สามารถนำไปใช้ได้
4.โฟกัสแต่ทักษะจำเป็นที่ตั้งไว้ ดูว่าเราอยากจะเรียนรู้เรื่องอะไร แล้วนำไปใช้ทำอะไร
5.หมั่นฝึกฝน เพื่อพัฒนาตัวเอง
อยากทำอะไรให้สำเร็จทำอย่างไร
1.เริ่มจาก Keystone Habit
Keystone Habit คือ กิจวัตรประจำวันของเราที่ดีที่จะนำไปสู่กิจวัตรประจำวันอื่นๆตามมา บทความจาก Forbes นำเสนอเกี่ยวกับ Keystone Habit ไว้อย่างน่าสนใจว่า หากทุกวันที่ตื่นขึ้นโดยอัตโนมัติ
เมื่อได้ยินเสียงนาฬิกาปลุก เก็บที่นอนและพูดสิ่งดีๆ กับตัวเองในกระจก แสดงว่าเราได้ทำ Keystone Habit 3 อย่างที่ทำให้วันนั้นเป็นวันที่ดีขึ้นแล้ว เพราะกิจวัตรการตื่นนอนมีแนวโน้มที่จะส่งผลในเชิงบวก
ต่อทุกสิ่งทุกอย่างที่ทำ ในทางกลับกัน ถ้าเริ่มต้นเช้าวันใหม่ด้วยความรู้สึกขุ่นมัว หน้าบึ้งตึงใส่คนในครอบครัวและบทสนทนาเป็นไปทางนินทา นิสัยเหล่านี้ส่งผลเสียต่อด้านอื่นๆ ในชีวิต
เช่น ถ้าเราโต้เถียงกับคนในครอบครัวก็อาจจะนำไปสู่ความขุ่นเคืองใจ และการนินทาอาจนำไปสู่การเสียเวลาและกลายเป็นคนที่มีแต่การวิพากษ์วิจารณ์ มันก็จะวนลูปแบบนี้ไปเรื่อยๆ
Keystone Habit อย่างเช่น การออกกำลังกาย เก็บที่นอน การเข้านอนและตื่นให้เป็นเวลา หนังสือเรื่อง 5AM Club ยืนยันว่าการเปลี่ยนแปลงนั้นมี 3 stages :hard, messy and gorgeous stages.
คือการเปลี่ยนแปลงใดๆ จะยากในตอนแรก วุ่นวายเมื่อถึงจุดตรงกลาง และงดงามในตอนท้าย การสร้างนิสัยที่ดีต้องใช้ willpower (ความอดทนอดกลั้น) จนกว่าจะถึงจุดที่เราทำมันแบบอัตโนมัติ
2.เขียน To do list สิ่งที่ตั้งใจทำและจัดลำดับให้มัน
ลองทำอะไรทีละอย่าง เพราะบางครั้งเรามีแพลนในหัวเยอะเเยะไปหมด แต่ไม่ได้ถูดจัดระเบียบ การทำอะไรหลายอย่างในเวลาเดียวกันจะทำให้เราสับสนและเกิดความรู้สึกขี้เกียจ
ถ้าตอนนี้ใครที่กำลังรู้สึกแย่กับการเป็นเป็ด อยากเป็นเป็ดที่มีความสุข ลองหันมาภูมิใจในการเป็นเป็ดของเรา การเป็นเป็ดหมายความว่าเรามีความสามารถที่หลากหลาย ไม่หยุดที่จะเรียนรู้
เพราะคนเราไม่จำเป็นต้องเก่งอย่างเดียว แต่ถ้าตอนนี้เราอยากจะตอบตัวเองให้ได้ว่าชอบอะไรกันแน่ ลองสังเกตตัวเองให้มากขึ้นเวลาที่เราทำกิจกรรมนั้น ๆ เรารู้สึกว่าทำอะไรแล้วสบายใจที่สุด
ผ่อนคลายที่สุด เหมือนได้ชาร์จพลังงาน ถ้าได้คำตอบให้กับตัวเองแล้ว ลองยึดถือสิ่งนั้น นำมาต่อยอดไปเรื่อย ๆ ไม่แน่ว่าเราอาจจะเป็น Expert ในด้านนั้นเพิ่มก็ได้นะ
“คนกลางๆ แบบมนุษย์เป็ดก็มีความสุขในแบบของเราได้นะ:)”
ที่มา:
multipotentialite
มนุษย์เป็ด (คนเก่งหลายอย่าง แต่ไม่โฟกัสซักอัน) ตรงกับคำใดในภาษาอังกฤษ
why-being-a-jack-of-all-trades-is-essential-for-success
fix-your-keystone-habits-to-transform-your-life
โลกยังต้องการ “อัจฉริยะครอบจักรวาล” อยู่อีกหรือเปล่า ?
Post Views: 3,870