บางครั้งเราก็มักจะเกิดความคิดที่ว่าคนอื่นรู้จักตัวเราเองดีกว่าตัวเราเองอีกใช่ไหมคะ เเล้วเราจะ รู้จักตัวเอง มากขึ้นได้อย่างไร
Alljit ร่วมกับคุณวันเฉลิม คงคาหลวง (นักจิตวิทยาการปรึกษา) เจ้าของแฟนเพจ Trust.นักจิตวิทยาการปรึกษา
ที่จะมาแนะนำวิธีสำรวจและทำความรู้จักกับตัวเองก่อนนอน
ช่วงเวลากลางคืนเป็นช่วงเวลาที่เงียบสงบ ที่เราใช้เวลากับตัวเองไม่ว่าจะเป็นการคิดเรื่องที่ผ่านมา การทำงานอดิเรกสิ่งที่เราชอบ และการตั้งคำถามกับตัวเอง การที่เราอยากรู้จักตัวเองทำให้เรามีเป้าหมายในการใช้ชีวิตมากขึ้น
อยากให้เราได้ลองมาจิตนาการหรือลองตั้งคำถามกับตัวเองเพื่อที่จะเราจะได้ยอมรับและรู้จักตัวตนของเรามากขึ้น การสำรวจตัวเองก่อนนอนเราสามารถทำได้ ในด้านครอบครัว การงาน ความสัมพันธ์ และเป้าหมายชีวิต
การรู้จักใน 4 ด้านนี้เหมือนเป็นเสาหลักของชีวิตที่จะทำให้ได้เดินทางที่ทางที่เรารู้จักตัวเองมากยิ่งขึ้น
รู้จักตัวเอง ด้านครอบครัว
การรู้จักตัวเองเรื่องครอบครัว เมื่อเราเข้าใจว่าเราถูกเลี้ยงดูอย่างไรจากพ่อแม่ ทำให้เรามีอิทธิพลอย่างไรบ้างเมื่อเติบโตขึ้นมา เช่น เราถูกเลี้ยงดูมาด้วยพ่อแม่ที่มีความเป็นอนุรักษ์นิยม
เมื่อเราเติบโตขึ้นอาจจะทำให้มีขั้วตรงข้ามกับนิสัยอนุรักษ์นิยม หรือ การที่ถูกพ่อแม่ตี ดุ ใช้ถ้อยคำที่รุนแรงตอนเด็กอาจจะทำให้โตมาเราเกลียดความรุนแรง แต่อาจจะไม่เป็นกรณีขั้วตรงข้ามเสมอไป
ในกลุ่มบางคนการที่ถูกเลี้ยงดูมาแบบนั้น อาจจะทำให้เกิดความซึมซับเรียนรู้จากนิสัยเหล่านั้นของพ่อแม่ไม่รู้ตัว จนกลายเป็นคนในแบบที่เราไม่ชอบในตอนเด็ก เพราะฉะนั้นการรู้จักตัวเองจากครอบครัวเป็นสิ่งสำคัญ
โดยให้ตั้งคำถามสะท้อนตัวเองว่า ครอบครัวที่เราเจอมาส่งผลอะไรกับเรา และครอบครัวมอบอะไรให้เราทั้งด้านบวกและด้านลบ โดยเราเลือกที่จะทำสิ่งที่ดีมาใช้กับตัวเราเอง
รู้จักตัวเอง ด้านการงาน
การรู้จักตัวเองในด้านการทำงานมี 2 อย่างที่เป็นหลักในการใช้ชีวิตคือ
“การเห็นคุณค่าในตัวเอง (Self Esteem)” และ “ความมั่นใจ หรือ ความมั่นคง (Self Confident)” ที่เราจะแสดงออกให้คนรอบตัวเรารับรู้ถึงความสามารถของเรา
ถ้าเราไม่ได้ทำงานในรูปแบบที่เราชอบ หรือเราไม่มีความถนัดในการทำงานนั้น ส่งผลให้การเห็นคุณค่าในตัวเองหายไป จึงทำให้ความมั่นใจเราหายไปด้วย
แต่กลับกัน ถ้าเราทำงานในสิ่งที่เราชอบและหลงรักกับงานจะทำให้เรารู้สึกเห็นคุณค่าในตัวเองและมีความมั่นใจ
ถึงแม้ว่ากรณีที่เรามีความหลงใหลกับงานที่เราทำแต่สภาพแวดล้อมการทำงาน อาทิ เพื่อนร่วมงาน เจ้านาย ไม่สนับสนุนการแสดงออกความสามารถให้แก่เรา ก็จะทำให้เราขาดความมั่นใจที่เราจะแสดงความสามารถของเราออกไป
การที่เราไม่มั่นใจตัวเองเราจะกลายเป็นไร้คุณค่าในตัวเอง?
หลาย ๆ คนเข้าใจว่าการที่เราไม่มั่นใจตัวเองเราจะกลายเป็นไร้คุณค่าในตัวเอง แต่จริง ๆ แล้วไม่ใช่แบบนั้น เราต้องคอยมองตัวเรา และตั้งคำถามกับตัวเองอยู่เสมอเองว่าเราชอบกับสิ่งที่เราทำอยู่ไหม โอเคไหม มีความสุขไหม
โดยที่เราไม่ต้องนำสิ่งที่เราทำไปแข่งกับใคร…
เช่น การที่เราสามารถทำอะไรได้ทุกอย่าง แต่ไม่มีอะไรที่ทำได้ดีมากหรือเรียกอีกอย่างว่า เป็ด ทำให้เราไม่ชอบตัวเองส่งผลให้ลดคุณค่าในความสามารถของตัวเอง
จึงทำให้ขาดความมั่นใจในตัวเองไปด้วยที่ไม่สามารถแสดงออกถึงความสามารถที่เราทำลงไปให้คนอื่นทราบได้ แต่สำหรับบุคคลนี้ที่เป็น เป็ด ในสายตาคนนอกเขาคือคนเก่งคนหนึ่งที่มีความสามารถหลายด้าน
การทำอะไรบางอย่างไม่ต้องเก่งมาก ๆ เก่งที่สุดในทุกด้าน แต่แค่ตั้งคำถามกับตัวเองว่าเราชอบสิ่งที่ทำไหม มีความสุขไหม ทำได้เต็มที่หรือยังและไม่ต้องนำตัวเราไปเปรียบเทียบกับใคร เอาที่เรามีความสุขและหลงใหลกับสิ่งที่เราได้ทำ
เพราะฉะนั้น การสำรวจตัวเองในการทำงานทำให้เราได้เห็นว่าเราทำอะไรได้บ้าง เรามีคุณค่ากับอะไร ถึงแม้จะเป็นสิ่งที่เราทำได้กลาง ๆ แต่เราทำได้ดี ทำในสิ่งที่เราชอบ ถ้าคำตอบเป็น ใช่ แปลว่าเรารู้จักคุณค่าในตัวเราเอง
เมื่อเรารู้ถึงการมีคุณค่าในงานทำให้เราสามารถที่จะแสดงออกความตั้งใจ ความรับผิดชอบในการทำงานของเราได้ เมื่อเรามองเห็นถึงความรู้สึกที่เรามีความสุขที่เราใส่ไปในการทำงานทำให้เรารู้จักตัวเองในการทำสิ่งนั้น
เมื่อเรายอมรับเราจะมองเห็นในสิ่งที่เราเป็นและจุดที่เรามีความสุข
ในวันนี้เราอาจจะยังไม่ดีแบบที่เราคาดหวังแต่ถ้าเรายอมรับเราในวันนี้และอยากที่จะเป็นคนที่ดีกว่านี้เราก็จะสามารถพัฒนาตัวเราได้ในอนาคตถ้าเรารู้จักการยอมรับในตัวเราเอง
รู้จักตัวเองด้านความสัมพันธ์ ความรัก
ในด้านความสัมพันธ์เราลองมาเริ่มตั้งคำถามกับตัวเราเองว่าเรามีเพื่อนสนิทไหม หากว่าเราไม่มีคนที่เราสนิทใจด้วย เราสามารถตีความได้สองอย่างคือ ไม่มีใครเข้าหาเรา เราไม่ยอมให้ใครเข้ามาในกำแพงของเรา
หรืออาจจะตั้งคำถามว่าใครที่สามารถเข้ามาในโลกของเราได้บ้าง
ถ้าไม่มี คิดได้เป็น 2 กรณี
1. เราปิดกั้นตัวเองหรือเปล่า
2. เราพยายามหาแล้วแต่ไม่ได้ความรู้สึกที่ดีกลับมา
ถ้าในกรณีที่ปิดดกั้นตัวเองลองตั้งคำถามว่าทำไมเราถึงปิดกั้นคน ๆ นั้นสาเหตุมาจากอะไร การปิดกั้นนั้นไม่ใช่เรื่องที่ผิดเพราะเป็นวิธีการที่ป้องกันตัวเองจากความรู้สึกที่กลัวเสียใจและผิดหวัง แต่เราไม่สามารถปิดกั้นตัวเองจากคนทั้งโลกได้
ถ้าวันนึงมีเพื่อนหรือใครสักคนที่เข้ามาหาเรา เราสามารถลดกำแพงเพื่อให้เขาเข้ามาเป็นเพื่อนหรือเป็นคนรักกับเราได้ หรือในจุดที่เราตามหาแต่ไม่เจอ อาจจะต้องตั้งคำถามว่า เราหาในถูกที่ ถูกเวลาหรือเปล่า
เช่น สังคมที่มีแต่การว่าร้ายกัน เราก็จะไม่เจอคนที่เราสนิทใจและสามารถไว้ใจได้ นั้นถือเป็นกรณีทั้งสองที่เราต้องตั้งคำถามกับตัวเอง สำรวจตัวเองว่าเราต้องการมีความสัมพันธ์กับพวกเขาแบบไหนกับบุคคลที่เข้ามาในชีวิตเรา
รู้จักตัวเองในเป้าหมายชีวิต
เป้าหมายชีวิต ที่ทั้งเป้าหมายในระยะสั้น และระยะยาว การตั้งคำถามกับตัวเองในอนาคตว่าเราอยากใช้ชีชีวิตแบบไหน การตั้งเป้าหมายก็เหมือนการตั้งเส้นชัยให้แก่ตัวเอง
การตั้งเป้าหมายเหมือนเป็นไกด์แนวทางการใช้ชีวิตของเราว่าเราควรเดินไปทางไหน แต่ในขณะนั้นถ้าเรายังไม่สามารถตั้งเป้าหมายในระยะยาวได้เราลองตั้งระยะสั้นก่อนอาจจะทำให้ได้เห็นตัวเองในอนาคตได้ชัดขึ้น
ท้ายที่สุดแล้ว การรู้จักตัวเองจะทำให้เราได้ใช้ชีวิตในแบบที่เราชอบ หรือสามารถเป็นแนวทางในการใช้ชีวิตของเราได้ในด้าน ครอบครัว การทำงาน ด้านความสัมพันธ์
ด้านการตั้งเป้าหมายทั้งหมดที่กล่าวมาล้วนเชื่อมโยงกันเมื่อเราทำได้ในด้านหนึ่ง ก็จะทำให้เราสามารถเดินทางในการใช้ชีวิตได้เรียบง่ายขึ้น
การที่เราสามารถยอมรับกับความรู้สึกของเราเอง เป็นเรื่องที่ทำยากแต่หากว่าเราสามารถทำได้เราก็จะสามารถอยู่กับความรู้สึกนั้นอย่างมีความสุข ไม่ต้องกดดันตัวเอง
คนเรามีความรู้สึกแย่เข้ามาแต่ไม่ใช่ว่ามันจะเป็นเรื่องที่แย่เสมอไปเมื่อเรายอมรับได้เราจะมีความรู้สึกดี ๆ เกิดขึ้นในใจของเราในอนาคตที่เราสามารถผ่านมาและยอมรับกับความรู้สึกนั้นได้แน่นอน
Post Views: 4,016