เคยไหม? รู้สึกเหนื่อยและ ใช้ชีวิตไปวัน ๆ

เรื่องAdminAlljitblog

เคยไหม ? รู้สึกเหนื่อยกับการ ” ใช้ชีวิตไปวัน ๆ ”  จริง ๆ แล้ว การมีความสุขกับเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ ไม่มีเป้าหมายใหญ่ ๆ ผิดไหม ? นี่เรากำลังใช้ชีวิตไม่คุ้มจริงหรือเปล่า ?

 

 

ใช้ชีวิตไปวัน ๆ ผิดไหม? 

ไอรีณ : ไม่มีผิดไม่มีถูก การใช้ชีวิตไปวัน ๆ ไม่ได้ทำร้ายใคร แต่เราไม่มีความสุขเต็มที่ เรามีแค่ชีวิตเดียวแต่ทำไมเราใช้ชีวิตเป็นไปตามเทรนด์ ล่องลอยไปตามน้ำ เราสามารถกำหนดชีวิตของตัวเองได้ 

 

 

มิ้น : ไม่ผิด ไม่เดือดร้อนใคร เราสามารถเลือกในสิ่งที่ต้องการได้ แต่ถ้าช่วงนั้นไม่มีความสุข การใช้ชีวิตไปวัน ๆ จะทำให้รู้สึกแย่ เพราะเราจะเปรียบเทียบชีวิตตัวเองกับคนอื่นมากเป็นพิเศษ 

 

 

ไอรีณ : เราไม่ต้องเปรียบเทียบกับเขา เราเปรียบเทียบกับตัวเอง เราวันนี้กับเราเมื่อวาน ทำวันนี้ให้มีความสุข เวลาเราใช้ชีวิตโดยไม่เปรียบเทียบกับคนอื่น ความสุขจะตามมาเอง ลองดู

 

ไม่ได้บอกว่าต้องเชื่อ เมื่อวานเราทำอะไรดีบ้าง วันนี้เราจะทำอะไรให้ดีขึ้นบ้าง การรู้จักตัวเองมากขึ้น ควรจัดลำดับความสำคัญทุกวัน ว่าสิ่งที่ต้องทำวันนี้คืออะไร

 

การที่เข้าไปดูในโซเชียลได้ แสดงว่าเรามีเวลามากพอ เราไม่ได้มีเวลาให้ตัวเอง จริง ๆ เราเอาเวลาเหล่านั้นมาพัฒนาตัวเองได้ ใช้เวลาของตัวเองให้คุ้มค่า 

 

 

มิ้น : อยากแชร์โพสต์ของคุณ Greasy cafe ศิลปินคนหนึ่งที่มิ้นติดตามใน Facebook เขียนไว้ว่า “บางทีก็แอบรู้สึกว่า ชีวิตของเรา เราก็พยายามใช้มันให้ดีที่สุดในวันต่อวัน

 

มีความสุขตามอัตภาพเท่าที่เราสามารถจะมีได้ แบ่งความสุขอย่างจริงใจให้คนรอบข้างบ้างเท่าที่จะทําได้ กอดตัวเอง เคารพตัวเองและรักตัวเองให้มาก ๆ ทําในสิ่งที่เรารัก เราเชื่อ

 

ที่ไม่ได้ไปเอาเปรียบหรือรบกวนใคร ๆ ดื่มดํ่ากับสิ่งที่เกิดขึ้นในแต่ละวัน เช่น เปิดเพลงบางเพลงที่อยากฟัง พบเจอบางคนที่อยากเจอ ก่อบทสนทนาในเรื่องบ้า ๆ บอ ๆ

 

ที่ไม่ต้องมีสาระอะไรมากมาย หัวเราะกันให้ปวดท้อง เพราะในที่สุดแล้วคำว่า ‘มีชีวิตไปวันๆ’ อาจซ่อนความหมายในแต่ละวันไว้อย่างมากมาย โดยเริ่มมันจากวันแรกของปีนี้แหละ”

 

 

ใช้ชีวิตไปวัน ๆ ไม่ได้ ทุกคนต้องมีเป้าหมายที่ยิ่งใหญ่ จริงหรือเปล่า? 

ไอรีณ : ทุกคนต้องมีเป้าหมาย อยู่ที่ความชอบของแต่ละคน อันนี้เป็นทางเลือก เราเลือกได้ที่จะมีความสุข เราเลือกได้ว่าจะมีเป้าหมายใหญ่หรือเล็ก การที่จะรู้ได้ต้องเขียนออกมา

 

เราต้องเห็นศักยภาพในตัวเรา อย่าดูถูกตัวเอง การวางเป้าไว้ใหญ่ดีกว่าวางเป้าไว้เล็ก ถ้าเราไปไม่ถึงหรือไปได้ครึ่งทาง แค่ครึ่งทางอาจจะถือว่าประสบความสำเร็จมากแล้ว 

 

 

มิ้น : มิ้นให้ความสำคัญกับความหลากหลายและความแตกต่าง มิ้นคิดว่าถ้าใครสักคนอยากใช้ชีวิตเรื่อย ๆ ปลูกผักเลี้ยงน้องหมาน้องแมวอยู่ต่างจังหวัด ไม่ได้มีเป้าหมายที่ยิ่งใหญ่

 

อย่างการเป็นเจ้าคนนายคนขยายกิจการไปทั่วประเทศ การได้ฝากผลงานบางอย่างที่มีชื่อเสียงไปทั่วโลก ไม่ใช่เรื่องผิด อยู่ที่ตัวคุณเอง ว่ารู้จักตัวเองแค่ไหน รู้และมั่นใจแค่ไหนว่า

 

อะไรคือความต้องการในชีวิต สรุปได้ว่า การใช้ชีวิตคุ้มหรือไม่คุ้มอยู่ที่นิยามของตัวคุณเองนี่แหละ ไม่ใช่เสียงจากคนรอบข้างหรือสังคม   

 

 

ไอรีณ : คนส่วนมากไม่รู้จักตัวเองดีพอ เขานิยามตัวเองผ่านคำพูดของคนอื่น เช่น เด็กคนหนึ่งเป็นเด็กฉลาด แต่คนอื่นมองว่า ‘เธอไม่เก่งในเรื่องนี้’ แต่จริง ๆ ถ้ากลับมามองว่า ฉันไม่เก่งจริง ๆ หรือ

 

เป็นแค่คำพูดคนอื่นที่บอกว่าฉันไม่เก่ง ต้องรู้จักตัวเอง อย่าปล่อยให้เสียงรอบข้างมาบอกว่าคุณเป็นคนแบบนี้ จะรู้จักตัวเองได้ต้องลองทำดูสัก 1 อย่าง ทางที่ดีลองเอาสมุดมาสักเล่ม แล้วเขียนจุดแข็งตัวเอง

 

 

หากชีวิตเราเปรียบดังหนังสือ เราจะตั้งชื่อตอนปัจจุบันนี้ว่าอย่างไร? 

มิ้น : Chapter ‘ก่อนเกิดความเปลี่ยนแปลง’ ชีวิตมิ้นตอนนี้ มิ้นไม่ได้มีความสุขขนาดนั้น ไม่เอนจอยกับอะไร รู้สึกเฉย ๆ เรื่อย ๆ กับทุกอย่าง ซึ่งมิ้นไม่ชอบ เพราะเวลาดาวน์ ๆ

 

การเป็นแบบนี้ทำให้รู้สึกว่าชีวิตไม่มีความหมาย มีเรื่องติดค้าง  มีปัญหาที่มิ้นรู้คำตอบว่าควรทำยังไงแต่ทำไม่ได้ คิดว่าเป็นสาเหตุหนี่งที่ทำให้มิ้นเหนื่อย เครียด จนเฉยชากับชีวิตด้วย

 

ยังไม่เห็นความหวังที่แน่นอนว่าจะผ่านไปได้เมื่อไหร่ Chapter นี้ในชีวิตมิ้น เลยเป็นเหมือนช่วงเวลาของการติดอยู่ในวังวน การเรียนรู้และหาทางออก ทำให้อยากตั้งชื่อว่า ‘ก่อนเกิดความเปลี่ยนแปลง’ ค่ะ 

 

 

พี่ไอรีณ : หวานแหวว ‘จุดเริ่มต้นของครอบครัวที่อบอุ่น’ ตอนนี้มีความสุขกับชีวิต ทุกอย่างเพอร์เฟค องค์ประกอบทุกอย่างของความสุขในการใช้ชีวิตมีพร้อมหมดแล้ว

 

เป็นจุดเริ่มต้นที่แพลนไว้แล้วว่าจะเป็นอย่างไรต่อ เดี๋ยวจะมาคุยเรื่ององค์ประกอบของความสุขในหัวข้อถัด ๆ ไป

 

 

ใช้ชีวิตไปวัน ๆ แล้วเหนื่อย ลองสร้างชีวิตใหม่กัน! 

ไอรีณ : ชีวิตใหม่มีได้ทุกวัน ทุกนาที ทุกวินาที อยู่ที่เรา สมมติว่าเศร้าอยู่  เขียนไปเลยว่าอยากเป็นคนแบบไหน อยากเป็นคนใหม่ที่มีความสุข ต้องลอง เคยอ่านหนังสือที่บอกว่า

 

เราเป็นทั้งผู้เขียนบทละคร เป็นทั้งตัวละคร ในชีวิตนั้น หมายความว่าเราเป็นคนกำหนดชีวิตเรา ถึงแม้จะมีปัจจัยภายนอกเข้ามา แต่เราสามารถเลือกที่จะคิดและปฏิบัติได้

 

เขียนเรื่องราวชีวิตใหม่เป็นการที่เราได้เรียนรู้ตัวเอง เช่น เขียนชีวิตฉันใน 5 ปีข้างหน้า 10 ปีข้างหน้า แล้วย่อยมาอีกทีเป็นสเต็ป ทำยังไงบ้างให้ประสบความสำเร็จ เดือนนี้ วันนี้ จะทำอะไร

 

เริ่มแพลนตั้งแต่วันนี้เลย อย่าลืม ‘เพราะว่าอะไร’ ด้วย คำว่า ‘เพราะว่า’ จะทำให้ช่วยให้เป้าหมายแข็งแรงมากขึ้น 

 

 

มิ้น : มิ้นเคยมีช่วงเปลี่ยนผ่าน จากชีวิตเดิมเป็นชีวิตใหม่หลายครั้ง ขอเล่าถึงชีวิตใหม่ครั้งหนึ่งที่ดีที่สุดในชีวิตคือช่วงปี 2018 มีช่วงหนึ่งที่ทุกข์มาก เพราะมิ้นรู้สึกว่าสิ่งที่เลือกไม่ใช่ทางของตัวเอง

 

ตอนนั้นไม่รู้จะเอายังไงต่อ ทั้งเครียด ทั้งเศร้า เพื่อนเลยพาไปคุยกับอาจารย์ที่คณะ ตอนนั้นถึงได้คำตอบว่า มิ้นไม่ได้รู้สึกแย่กับทางที่เลือกเท่ากับความรู้สึกไม่เป็นส่วนหนึ่งของสังคม

 

เพราะมิ้นเป็นคนปรับตัวยาก เข้าสังคมไม่เก่ง หลังจากเหตุการณ์นั้น มิ้นพยายามเรียนรู้  ลองแสดงความเป็นตัวเองให้คนอื่นรู้ เล่าให้ฟังว่าเราชอบอะไร เราสนใจอะไร ลองแสดงความคิดเห็นมากขึ้นในบริบทต่าง ๆ

 

ไม่ว่าจะเป็นการพูดคุยทั่วไป การทำงานกลุ่ม การทำกิจกรรมต่าง ๆ ซึ่งจุดนี้ทำให้มิ้นมีความสุข ชีวิตใหม่นี้.. ปัญหาทุกอย่างยังอยู่ เรายังคงไม่รู้เหมือนเดิมว่าควรลาออกไปเรียนอย่างอื่นไหม

 

จะเอายังไงต่อ แต่กลับมีความสุขเหมือนตัวจะลอย คงเรียกได้ว่าเป็นชีวิตใหม่ครั้งหนึ่งได้

 

 

ไอรีณ : ชีวิตของเราจะมีวงกลม 1 วง ที่มีอยู่ 4 ส่วนประกอบกัน คือ Health Wealth Work Relationship สุขภาพ เงิน งาน ความสัมพันธ์ต้องดี นี่แหละชีวิตที่มีความสุข 

 

 

ทางเลือกและการตัดสินใจ 

พี่ไอรีณ : ชีวิตที่เผชิญอยู่ทุกวันนี้มีทางเลือกและการตัดสินใจเสมอ บางอย่างเราต้องเลือก บางอย่างเราต้องตัดสินใจ แต่เราต้องพิจารณาให้ดีก่อนว่า ถ้าเราไม่เลือก ไม่ตัดสินใจ และใช้ชีวิตแบบนี้ไปวัน ๆ

 

นี่เป็นการทำร้ายตัวเอง เราต้องเลือกตัดสินใจสักอย่าง ไม่ว่าผลจะเป็นอย่างไรต้องรับมือว่า ฉันเลือกแล้ว ฉันตัดสินใจแล้ว เช่น จะเป็นคนที่กล้าแสดงออกมากกว่านี้ จะทำงานนี้เพราะงานนี้ให้ความรู้กับฉัน

 

จะกินอาหารที่สุขภาพดีเพราะว่าอยากแข็งแรง จำใจต้องทำกับควรต้องทำอะไรหนักกว่า เช่น ฉันควรออกกำลังกาย ยังรู้สึกว่าไปก็ได้ไม่ไปก็ได้ แต่ถ้าใช้คำว่า ฉันตัดสินใจจะออกกำลังกายทุกวัน

 

วันละ 30 นาที เป็นอะไรที่หนักกว่าและช่วยเพิ่มพลังให้มากกว่า ใช้คำพูดให้ drive ตัวเราเองให้ทำสิ่งหนึ่ง แต่ Self-talk ต้องไม่หลอกตัวเองมากเกินไป ต้องดูสถานการณ์ในวงกว้าง แล้วกลับมาถามตัวเองว่า

 

‘ชีวิตประจำวันโอเคไหม’ ถ้าไม่โอเค ถึงเวลาแล้วที่จะต้องเปลี่ยนตัวเอง รักตัวเอง กลับมาวางแผนให้ตัวเองใหม่ ทุกอย่างกำหนดได้ 

 

 

มิ้น : นึกถึงปรัชญาข้อหนึ่งที่บอกไว้ว่า มนุษย์มีอิสระ แต่อิสระจะมาพร้อมกับความรับผิดชอบ ไม่ว่าผลจะออกมาอย่างไร ต้องยอมรับผลนั้นให้ได้ พี่มิ้นกับพี่ทายทีมงาน Alljit นี่แหละ เคยบอกมิ้นว่า

 

มิ้นดูเป็นคนที่ตัดสินใจเก่ง ตอนนั้นรู้สึกแปลกใจมาก พอลองทบทวนตัวเองดู มิ้นว่ามิ้นหาข้อมูลเก่งมากกว่า ทุกทางเลือกจะต้องผ่านการประชุมกับตัวเองและการฟังความคิดเห็นจากคนสำคัญในชีวิตเสมอ

 

พูดได้ว่าการรู้จักตัวเองและข้อมูลต่าง ๆ นี่แหละประกอบกันทำให้ตัดสินใจเกิดขึ้นได้ เพราะได้ทำทุกอย่างอย่างดีที่สุดแล้ว แต่ถ้าข้อยกเว้นคงเป็นเรื่องความรัก ตัดสินใจได้แย่มาก

 

เพราะเป็นเรื่องที่ไม่มีประสบการณ์และเชื่อว่าไม่มีคำตอบตายตัว พี่ไอรีณมีข้อยกเว้นแบบนี้ไหม?

 

 

ไอรีณ : ไม่มีเลยค่ะ ไม่มีข้อยกเว้นค่ะ ข้อยกเว้นเราหาให้ตัวเองค่ะ จริง ๆ บนโลกใบนี้ถ้าเราตัดสินใจแล้ว เรามุ่งมั่นแล้ว ไม่มีข้อยกเว้นให้ความสุขค่ะ เราไม่ได้เกิดมาที่จะเป็นคนทุกข์

 

การมีความสุขคือการทำอะไรที่ทำให้ตัวเองมีความสุข แต่ความสุขในที่นี้ต้องดูว่าเป็นสุขสำเร็จหรือสุขสำราญ มี 2 ประเภท จากหนังสือของคุณขุนเขา สุขสำเร็จคือต้องมีวินัยทำสิ่งหนึ่งให้สำเร็จ

 

แต่สุขสำราญคือดื่มเหล้า สูบบุหรี่  เป็นสุขชั่วคราว แต่ความสุขสำเร็จอาจจะใช้เวลา บางทีเราอาจจะไม่อยากทำ เช่น ไม่อยากออกกำลังกาย แต่พอพาตัวเองไปออกกำลังกาย สารอะดรีนาลีนจะหลั่ง ร่างกายจะมีความสุข 

 

 

รู้จักจุดแข็งของตัวเอง 

ไอรีณ : จุดแข็งคือชอบเรียนรู้ ชอบคุยกับคน ชอบเรียนรู้ทัศนคติของคนไม่ว่าจะอยู่ในระดับไหน สิ่งนี้เป็นอะไรที่หลงใหลมาก เวลาเราชอบเรียนอะไรสักอย่าง เราจะค้นหาด้วยตัวเอง

 

บางทีเรียนไปยังไม่รู้เลยว่าจะใช้ยังไง แต่อย่างน้อยมีความสุขขณะที่ได้ทำ 

 

 

มิ้น : มิ้นว่าของมิ้นคงเป็นการพยายามรู้จักตัวเองอยู่เสมอ ซึ่งสิ่งนี้แหละที่ทำให้ไปต่อได้ มีทางออกจากจุดหนึ่งไปสู่อีกจุดหนึ่งเสมอ 

 

 

ไอรีณ : เราจะไม่ค้นหาตัวเอง แต่เราระบุได้ ลองทำก่อน เราต้องมีไอดอลของเรา เราไม่ต้องตามทุกอย่าง แค่ใช้เป็นแรง drive ให้เรา ทุกอย่างอยู่ที่ความคิด 

 

 

นับทุกความสำเร็จของตัวเองถึงแม้ว่าจะเล็กน้อยก็ตาม 

ไอรีณ : ไม่ว่าจะวางเป้าไว้ว่าอะไร เช่น วันนี้จะอ่านหนังสือวันละ 2 หน้า แค่เริ่มอ่าน 1 หน้า 2 3 4 5 หน้าจะเพลินตามมาเอง ขอให้เริ่ม อันนี้คือความสำเร็จในวันนี้แล้ว แล้วทุกอย่างจะสะสม อาทิตย์หนึ่ง เดือนหนึ่ง อ่านได้เยอะ ความรู้เริ่มมา จุดเริ่มมันยาก แต่มันทำได้ ถ้าเรามุ่งมั่นและมีวินัยมากพอ 

 

 

มิ้น : ชอบข้อนี้จังเลยค่ะพี่ไอรีณ ให้ความรู้สึกเหมือน การกระทำนี้จะเป็นเชื้อเพลิงบางอย่างให้ชีวิต

 

 

กำหนดเส้นตายให้ความฝัน 

ไอรีณ : สมมติเราวางเป้าอะไรไว้ในชีวิต เช่น การลดน้ำหนัก เราต้องกำหนดจุดตายว่า ฉันจะลดน้ำหนักภายใน 3 เดือน จาก 60 ให้เหลือ 40 ถึงแม้ใน 3 เดือนจะเหลือแค่ 50 อย่างน้อยมันก็ลดแล้ว

 

มิ้น : สำหรับบางคน การกำหนดแบบนี้อาจจะให้ความรู้สึกที่กดดันและอึดอัด แต่ในอีกแง่หนึ่งสิ่งนั้นจะเป็นจริงได้มากขึ้น อยู่ที่แต่ละบุคคลว่าเราจะปรับใช้กับชีวิตอย่างไร

 

 

ชีวิตเป็นของคุณ

ไอรีณ : ชีวิตเรากำหนดเอง คนรอบข้างพูดถึงเราอย่างไร เราไม่ต้องไปฟัง เราต้องพูดกับตัวเอง รักตัวเอง คนรอบข้างอาจจะหวังดีกับเรา แต่เขาไม่รู้จักวิธีที่จะพูดกับเรา เลยทำให้เรารู้สึกแย่

 

เราสามารถรู้ได้ด้วยตัวเองว่าเรารู้สึกอย่างไรกับคำพูดที่เข้ามา สิ่งที่เราทำได้คือพาตัวเองกลับมาอยู่ในจุดของตัวเอง ชีวิตเป็นของเรา เกิดมาอยากเป็นอะไร ทำอะไร อย่าใช้ชีวิตภายใต้ความกลัว

 

จงเชื่อว่าชีวิตมีคุณค่ามากที่สุด ทุกอย่างเริ่มต้นจากความคิด 

 

 

มิ้น : สำหรับมิ้น ชีวิตเป็นของเราจริง แต่เราไม่ได้ควบคุมได้ทุกอย่าง มีปัจจัยภายนอกเต็มไปหมดที่เราทำได้แค่ยอมรับและปรับตัวให้อยู่กับสิ่ง ๆ นั้นได้ แต่สิ่งหนึ่งที่มิ้นคิดว่าสำคัญคือ

 

Joyfulness ครั้งหนึ่งเคยได้ยินประโยคที่ว่า ‘You can never beat those who enjoy’ แล้วรู้สึกเห็นด้วย ในแง่ที่ว่า ไม่ว่าเราจะเก่งแค่ไหน เราจะเพอร์เฟคแค่ไหน สุดท้ายไม่สู้คนที่ทำสิ่งนั้นด้วยความสนุก 

 

 

ทุกอย่างเริ่มต้นที่ความคิดและทัศนคติของเราเอง 🙂