ธรรมชาติเยียวยาจิตใจ

เพราะ ‘ธรรมชาติ’ เยียวยาจิตใจให้มนุษย์

เรื่องAdminAlljitblog

มนุษย์มีความผูกพัน ต่อธรรมชาติ ซึ่งเกิดจากพันธุกรรมและหยั่งรากลึกในวิวัฒนาการ

 

เคยสงสัยไหมว่าทำไมคนส่วนใหญ่ถึงชอบจองที่พัก ที่มองเห็นวิวสวยงามจากระเบียง 

 

ทำไมผู้ป่วยที่ได้รับมุมมองที่เป็นธรรมชาติจากเตียงในโรงพยาบาลจึงฟื้นตัวได้เร็วกว่าคนอื่นๆ

 

หรือเมื่อความเครียดส่งผลเสียต่อจิตใจของเรา เราจึงกระหายเวลาที่จะค้นพบสิ่งต่างๆ ท่ามกลางธรรมชาติ?

 

แฟรงก์ ลอยด์ ไรต์ สถาปนิกชื่อดัง  เคยกล่าวไว้ว่า “ ศึกษาธรรมชาติ รักธรรมชาติ ใกล้ชิดกับธรรมชาติ ” มันจะไม่ทำให้คุณล้มเหลว

 

 

 

Nature Therapy

 

“Nature Therapy” คือ  การบำบัดด้วยธรรมชาติ ที่ครอบคลุมกิจกรรมทั้งหมดที่เกี่ยวข้องกับธรรมชาติ  

 

การที่มนุษย์ต้องพบกับโรคภัยไข้เจ็บต่าง ๆ นั้นอาจเพราะพาตัวเองห่างออกจากธรรมชาตินั่นเอง โดย Ecotherapy เป็นการเชื่อมโยงมนุษย์เข้ากับธรรมชาติอีกครั้ง 

 

 

มนุษย์ผูกพันธ์กับธรรมชาติยังไง

 

ข้อมูลจากมูลนิธิไทยรักป่า ได้กล่าวไว้ว่า ตั้งแต่ที่เราเกิดมาลืมตาดูโลก เราสูดอากาศหายใจจากธรรมชาติ นั้นก็คือ ออกซิเจน

 

ในสมัยแรก ๆ ปัจจัยการดำรงชีวิตทุกอย่างได้มาโดยตรงจากธรรมชาติ ทั้งอาหาร ที่อยู่อาศัย เครื่องนุ่งห่ม และยารักษาโรค

 

นอกจากนี้แล้ว มนุษย์ ก็มีความความผูกพันและความเชื่อกับธรรมชาติมานานแล้ว

 

หลักความเชื่อ พิธีกรรม และศาสนา วัฒนธรรมของคนไทย ก็มีความเชื่อว่า ธรรมชาติทุกอย่างต้องพึ่งพาอาศัยกัน

 

มีการเกื้อกูลพึ่งพากันในระบบนิเวศ ซึ่งความเชื่อนี้ นำไปสู่พิธีกรรมเกี่ยวกับป่า

 

และกลายมาเป็นวัฒนธรรมประเพณีสืบต่อมาจนถึงปัจจุบัน เช่น การบวชป่า ที่บ่งบอกถึงเจตนาของชุมชนที่แสดงออกถึงการรู้คุณค่าของทรัพยากรป่าไม้

 

 

ธรรมชาติทำให้สุขภาพจิตดีขึ้นได้จริงไหม?

  1. ธรรมชาติช่วยในการควบคุมอารมณ์และปรับปรุงการทำงานของสมองส่วนความจำ การศึกษาเกี่ยวกับประโยชน์ด้านการรับรู้ของธรรมชาติพบว่า ผู้เข้าร่วมที่เดินชมธรรมชาติจะมีความจำที่ดีกว่าผู้ที่เดินไปตามถนนในเมือง (Berman, Jonides และ Kaplan, 2008)
  2. การเดินชมธรรมชาติเป็นประโยชน์ต่อผู้ที่เป็นโรคซึมเศร้า ผลการศึกษาพบว่า คนที่เป็นโรคซึมเศร้า ระดับเล็กน้อยถึงรุนแรงจะมีอารมณ์ดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัดเมื่อสัมผัสกับธรรมชาติ ไม่เพียงเท่านั้น แต่พวกเขายังรู้สึกมีแรงบันดาลใจและมีพลังมากขึ้นในการฟื้นตัว  (Berman et al., 2012)
  3. ผลการวิจัยล่าสุดพบว่าการอยู่กลางแจ้งช่วยลดความเครียดโดยการลดฮอร์โมนความเครียดคอร์ติซอล  (Gidlow et al., 2016; Li, 2010)
  4. การศึกษาที่มหาวิทยาลัยแคนซัสพบว่าการใช้เวลากลางแจ้งมากขึ้นและใช้เวลากับอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์น้อยลงจะช่วยเพิ่มทักษะในการแก้ปัญหาและความคิดสร้างสรรค์ได้  (Atchley, Strayer, & Atchley, 2012)
  5. การทดลองขนาดใหญ่ที่ดำเนินการกับผู้เข้าร่วม 120 ราย ยืนยันถึง ‘การเชื่อมโยงทางธรรมชาติ’ ในการลดความเครียดและการเผชิญปัญหาผู้เข้าร่วมแต่ละคนสังเกตภาพทิวทัศน์ธรรมชาติหรือสภาพแวดล้อมในเมือง ข้อมูลที่ได้จากการสำรวจครั้งนี้เผยให้เห็นว่า
  6. ผู้เข้าร่วมที่ดูภาพสภาพแวดล้อมทางธรรมชาติมีคะแนนความเครียดต่ำ และมีการเต้นของหัวใจและชีพจรดีขึ้น (Ulrich et al., 1991)

โรคขาดธรรมชาติ

โรคขาดธรรมชาติ Nature Deficit Disorder  มีการพูดถึงครั้งแรกในปี ค.ศ.2005 Richard Louv นักเขียนชาวอเมริกัน

 

ผู้เขียนหนังสือ The Nature Principle และ Last Child in the Woods กล่าวไว้ว่า เด็กที่ไม่ได้เชื่อมโยงกับธรรมชาติ

 

ไม่มีกิจกรรมนอกบ้านหรือห้องเรียนให้ได้สัมผัสจับต้องกับธรรมชาติอย่าง ต้นไม้ ดินหญ้า ลำธารหรือสวนสาธารณะ

 

แต่ใช้เวลาอยู่แต่กับการเล่นมือถือ เกม คอมพิวเตอร์ หรือเรียนพิเศษจนหมดวัน ก็อาจจะทำให้ขาดความคิดสร้างสรรค์ได้

 

โรคขาดธรรมชาตินี้จะยังไม่ได้มีการระบุทางการแพทย์ว่าเป็นหนึ่งในโรค

 

เพราะว่าในธรรมชาตินั้นมีสิ่งซ่อนเร้นอยู่  แสง สี เสียง กลิ่น อุณหภูมิ ที่ทำให้ประสาทสัมผัสของเรารับรู้

 

มีการทำปฎิกิริยากับระบบประสาทต่างๆ ของร่างกายเราโดยอัตโนมัติ และส่งต่อไปยังสมอง

 

จนเกิด “ความรับรู้เชิงบวก” (Positive Perception) หรือที่เราเรียกว่า “รู้สึกดี” เพราะฉะนั้นเมื่อรู้อย่างนี้แล้วก็อยากให้ทุกคนไปสัมผัสธรรมชาติกัน

 

 

ตัวอย่างธรรมชาติบำบัด

  1. การปลูกต้นไม้ 

 

  1. เดินเล่นสวนสาธารณะ 

 

  1. การจัดแต่งห้อง / โต๊ะทำงานให้มีสีเขียว 

 

  1. ท่องเที่ยวธรรมชาติ 

 

  1. อาบป่า ดูนก ชมไม้ 

 

สุดท้ายก็อยากฝากไว้ด้วยว่า ทำกิจกรรมที่เหมาะสม กับเวลาและสถานที่ เคารพกฎกติกา และ เมื่อเราใช้ธรรมชาติมาเยอะขนาดนี้ เราก็ดูแลธรรมชาติกันนะ 🙂