เราก็มักจะได้ยินหรือเห็นประโยคที่ว่า ส่งท้ายปีเก่า เริ่มต้นสิ่งใหม่กัน ทุกคนทิ้งอะไรไว้ในปีที่แล้วบ้าง
และได้ตั้งเป้าหมายอะไรไว้ในปีนี้บ้าง เพราะด้วยเทศกาลปีใหม่ เลยทำให้เรารู้สึกสดชื่น เหมือนอะไรที่เคยเศร้าหมองกลับสดชื่นขึ้นมา
พอปีใหม่มาถึงเลยเหมือนเป็นโอกาสให้เราได้ยินดีกับอะไรใหม่ ๆ ตั้งอะไรใหม่ ๆ เพื่อให้ตัวของเรารู้สึกมีความสุขตั้งแต่เริ่มต้นปีจนท้ายปี 🙂
แต่ก่อนที่จะเริ่มต้นใหม่ ทุกคนคงเคยเดินผ่านจุดที่สิ้นสุดกันมาของปีที่แล้ว ทุกคนคงมีหลากหลายความรู้สึก บางคนปีที่แล้วก็เป็นปีที่ดีมาก ๆ
บางคนปีที่แล้วอาจจะเป็นปีที่เศร้ามาก ๆ เหมือนกัน ไม่ใช่แค่เหตุการณ์หมดปี แต่หมายถึงจุดสิ้นสุด
ในบางอย่างไม่ว่าจะเป็นการลาออก การที่ต้องจากลากับใครบางคน เรียนจบ เหตุการณ์ที่เป็นจุดสิ้นสุด
บางครั้งเราก็ไม่อยากให้มันจบเพราะมันทั้งสุข เศร้า เสียใจ แต่จะเรียกว่าเป็นเรื่องปกติที่ทุกคนต้องเจอในชีวิต
การเริ่มต้นมาพร้อมกับความกลัว
เวลาที่เราจะเริ่มต้นใหม่กับอะไรสักอย่าง ความรู้สึกที่พ่วงมาด้วย คือความกลัว กลัวว่าจะไม่ดีแบบเก่า กลัวว่าทำไปแล้วจะเฟล
บางครั้งความกลัวก็เหนี่ยวรั้งเรา หรือที่เราเรียกกันว่ากับดักของเซฟโซน บางทีเจ้าความกลัวก็ทำให้เราอยู่กับอะไรเดิม ๆ ที่ไม่ใช่กับเราขนาดนั้น
สิ่งสำคัญของความกลัวก็คือเจ้าที่เรียกว่า ความเปลี่ยนแปลง
ทำไมเราถึงกลัวการเปลี่ยนแปลง
เพราะเราเป็นมนุษย์ เป็นเรื่องปกติที่ทุกคนจะกลัวการเปลี่ยนแปลง ที่เรากลัวเพราะเราไม่มีทางคาดเดาได้ว่าทางข้างหน้าที่เรากำลังเดินต่อไปจะเป็นแบบไหน
จะดีหรือไม่ดี บางครั้งเราเลยเซฟตัวเองด้วยการที่ถ้ามีใครสักคนไปเป็นเพื่อนก็คงดี แต่พอเราโตแล้วบางสถานการณ์เราไม่สามารถทำแบบนั้นได้แล้ว
‘อย่าทิ้งความฝันถ้าไม่มีใครไปเป็นเพื่อน’ หลายความฝัน หลายสิ่งที่อยากทำ เราก็ทิ้งมันไปเพราะเรากลัวไม่มีใครไปเป็นเพื่อนเราจริง ๆ
แล้วเราก็มารู้สึกเสียดายที่ไม่ได้ทำในสิ่งที่อยาก ไม่อยากให้ทุกคนมาเสียดายที่ไม่ได้ทำในสิ่งที่อยากทำ ถึงแม้ว่าทุกอย่างที่เกิดขึ้นมันดีอยู่แล้ว
แต่ถ้าใครกำลังกลัวการเปลี่ยนแปลงอะไรสักอย่างอยู่ ลองฮึบความกลัวแล้วลงมือทำกัน เพื่อว่าจะได้เจอทางที่โอเคกับตัวเองมากกว่าตอนนี้
และนอกจากการเริ่มต้นใหม่ที่กลัวการเปลี่ยนแปลง เราก็ยังกลัว ความล้มเหลว ความผิดหวัง ที่เกิดขึ้นหลังจากเริ่มต้นใหม่เหมือนกัน
แต่เชื่อไหม ความล้มเหลวมันคือสิ่งที่เราต้องเจอ เราหลีกเลี่ยงไม่ได้ บางเรื่องเราไม่เจอก็ดีแต่บางเรื่องมันเกิดขึ้นได้จริง ๆ
ฟังดูแล้วอาจดูใจร้าย แต่ในโลกความเป็นจริงก็คงเป็นแบบนี้ ท้ายที่สุดมันหนีไม่ได้ตลอด มันจะเกิดก็ต้องเกิด
ความล้มเหลวถ้าให้มองในแง่ดีมันก็สอนอะไรเราหลายอย่างเหมือนกัน สอนให้เราโตขึ้น สอนให้เราระวังมากกว่า
สอนให้เรารู้ว่าบางอย่างเราก็ต้องใจร้ายบ้าง หรือบางครั้งก็สอนให้เราเห็นแก่ตัว เอาตัวเองมาก่อนบางสิ่ง
ไม่เป็นไรนะทุกคนที่บางครั้งความล้มเหลวมันจะมาทักทายเราบ้าง ถึงตอนนี้เราจะล้มเหลวแต่มันไม่ได้อยู่กับเราตลอดไป จะมีวันที่เราลุกขึ้นยืนได้เหมือนกัน
เมื่อจบอะไรเก่า ๆ แล้วอาจทำให้เจออะไรใหม่ ๆ ที่ดีกว่าเดิม
เพราะการก้าวผ่านอดีต หรือเหตุการณ์ที่แย่เป็นเรื่องที่ดี เรื่องราวเหล่านั้นสอนให้เราเข้มแข็งและแข็งแกร่งมากขึ้น
เหตุการณ์บางเหตุการณ์เดินทางมาถึงจุดสิ้นสุดเพื่อนำพาให้เราไปพบสิ่งใหม่ที่ดีกว่า
การบอกตัวเองให้คิดในแง่บวก ถึงแม้บางครั้งอาจจะทำยาก แต่หากเราฝึกคิดบวกทุกวัน ทำไปเรื่อยๆ
เมื่อเวลาผ่านไป หากเราเจอเหตุการณ์แย่ๆ เราจะสามารถคิดบวกได้โดยอัตโนมัติ
และการอยู่ในสภาพแวดล้อมที่คิดบวกก็สำคัญเหมือนกัน ถ้าเราคิดอยู่คนเดียว แต่คนรอบตัวตั้งแง่ว่า จะดีหรอ ตัดสินใจแบบนี้จะไม่เสียใจทีหลังหรือยังไง
ถ้าเราอยู่ที่รอบตัวที่คิดแบบนี้มันก็ส่งผลกับตัวเราเหมือนกัน คนที่อยู่รอบตัวเรามีผลต่อความคิดของเราเป็นอย่างมาก
หากเราอยู่ในสภาพแวดล้อมแบบไหน อาจหล่อหลอมให้เรากลายเป็นคนแบบนั้นได้
ยอมรับความจริงแล้วก้าวต่อไป
ไม่ยึดติดกับสิ่งที่จบไปแล้ว เรื่องในอดีตที่มันจบไปแล้ว เราพยายามไม่ยึดติดหรือเปรียบเทียบกับสิ่งที่ผ่านมาแล้ว
ไม่ว่าจะเป็นเรื่องที่ดีหรือไม่ดีก็ตาม เปลี่ยนจากการยิดติดเปรียบเทียบเป็นเราได้เรียนรู้ ได้บทเรียน
ข้อคิดอะไรจากสิ่ง ๆ นั้น เราสามารถนำปัญหาที่เกิดขึ้นในอดีตมาเป็นบทเรียน และปรับปรุงให้ดีขึ้นกว่าเดิมได้หรือเปล่า
ถ้าได้ได้ยังไงบ้าง และทำให้ยังไงเหตุการณ์เหล่านั้นไม่เกิดขึ้นอีก เพื่อให้การเริ่มต้นใหม่นี้ดีกว่าเดิม
และการที่เราหันกลับมายอมรับความจริงจะทำให้เราอยู่ได้ง่ายมากขึ้น ยอมรับในสิ่งที่เกิดขึ้นแล้ว
การยอมรับเหมือนกับการเป็นจุดเริ่มต้นที่จะทำให้ชีวิตของเราไปต่อได้
Post Views: 2