รักทุกเวอร์ชันที่ฉันเป็น

คนที่ยอมให้คนอื่นทำร้ายเรา คือตัวเราเอง

เรื่องAdminAlljitblog

 รีวิวหนังสือ “ ฉันจะรักทุกเวอร์ชันที่ฉันเป็น ” เป็นหนังสือรวมบทความจิตวิทยาที่มีแก่น คือ การรักตัวเอง แบ่งเป็น 5 บทใหญ่ๆ ที่พูดถึงต้นตอของการไม่รักตัวเอง

 

บทแรก พูดถึงการรักและไม่รักตัวเองที่เกิดมาจากตัวเรา

บทที่สอง พูดถึงต้นตอที่มาจากคนอื่น

บทที่สาม พูดในบริบทของการงาน

บทที่สี่ พูดถึงความรัก

บทที่ห้า พูดถึงโลกของเรา หรือทั่วไปแบบกว้าง ๆ

 

 

“ถ้าอยากพัก แปลว่าที่ผ่านมาทำเต็มที่แล้ว”

 

บทแรกจะพูดถึงการที่เราละเลยความเหนื่อยของตัวเอง ละเลยสัญญาณของร่างกาย และเอาแต่บอกตัวเองว่าต้องทำ

 

สุดท้ายแล้วก็ทำให้ทั้งกายและใจเหนื่อยเรื้อรัง กลายเป็นคน Burn out โดยที่เราก็ลืมต้นสายปลายเหตุไปแล้ว

 

การที่เราเหนื่อยแต่ไม่ยอมพัก อาจเพราะเชื่อว่า “ต้องทำ” ต้องกวาดบ้าน ต้องล้างพัดลม ต้องจัดเตียง ต้องจัดห้อง ต้องรับสายเพื่อน

 

ต้องทำงานให้ทันแม้ว่าที่มีอยู่ในมือก็ล้นมากพออยู่แล้ว เราบอกตัวเองว่า ‘ต้อง’ จนไม่มีเวลาเติมความสุขและพลังใจให้ตัวเอง

 

สุดท้ายก็หมดไฟ เบื่องาน เบื่อเพื่อน เบื่อโลก และรู้สึกแค่ว่าอยากจะหนีไปให้ไกลๆ 

 

ความรู้สึกที่ “ต้องทำ” ก็อาจมาจากความกลัวเกินเหตุด้วย กลัวเพื่อนเลิกคบ กลัวบ้านไม่น่าอยู่ กลัวคนตำหนิ ไม่รัก ไม่ให้ความสำคัญ

 

การจะแก้ภาวะหมดไฟและเบื่อโลกนี้ได้จึงเป็นการไปดูที่ต้นตอ ถามตัวเองว่าเรากลัวอะไรอยู่ อะไรทำให้เราคิดว่าเรา “ต้องทำ”

 

 

สังคมก็เป็นอีกปัจจัยที่ทำให้เป็นเรื่องยากที่เราจะรักตัวเอง เพราะสังคมเองก็คาดหวังกับเราไม่จบสิ้น

ทุนนิยมอยากให้เรามีมากกว่าที่เรามีอยู่ เป็นมากกว่าที่เราเป็นอยู่ เราแข่งขันกับคนอื่นไม่จบสิ้น

เรารายล้อมไปด้วยคำว่า “กว่า” สวยกว่า ดีกว่า เก่งกว่า ประหยัดกว่า เงินดีกว่า ตำแหน่งสูงกว่า มันเลยอาจเป็นอีกสาเหตุของการเบื่อโลกนี้ด้วย

 

ในบทนี้คุณอีฮเยจินกล่าวไว้ว่า การจะหลุดออกมาจากระบบนี้ได้จึงเป็นการถามตัวเองว่า เราต้องการอะไรกันแน่

 

สิ่งที่เราให้ความสำคัญจริง ๆ คืออะไร เพราะสุดท้ายจะเป็นตัวเราเองที่สามารถดึงไฟในตัวเรากลับมาได้

 

“มนุษย์เราไม่จำเป็นต้องแบกรับหน้าที่และความรับผิดชอบไว้กับตัวทุกอย่าง ไม่จำเป็นต้องทำทุกอย่างให้ได้ดีด้วยตัวเองทั้งหมด” 

 

เพราะในหลาย ๆ ครั้ง นอกจากสังคมและคนรอบข้างที่คาดหวังในตัวเราแล้ว เราเองก็ยังคาดหวังและโบ้ยตีตัวเองมากเกินไปด้วย 

 

เพราะฉะนั้น หากตอนนี้เหนื่อยจนหมดเรี่ยวแรงจะทำอะไรได้อีก นั่นอาจหมายความว่า ที่ผ่านมาเราทำเต็มที่มากแล้วนะ อนุญาตให้ตัวเองได้พักผ่อนเถอะ 🙂 

 

“ ก่อนจะดูแลหัวใจ ต้องเริ่มจากการดูแลร่างกายก่อน ” 

 

วิธีหนึ่งที่ง่ายมากของการ รักตัวเอง คือการออกกำลังกาย 

 

เพราะอาการไม่มีเรี่ยวแรง ห่อเหี่ยว หดหู่ คือสัญญาณของความเครียด และการดูแลร่างกายเป็นอะไรที่จับต้องได้และทำได้ในทันที

 

ซึ่งพอทำบ่อยๆ มันก็นำไปสู่การฟื้นฟูจิตใจด้วยเหมือนกัน เพราะการดูแลสุขภาพกาย = การดูแลสุขภาพใจ

 

“อย่าทะเลาะกับอารมณ์เลย”

การไม่หนีอารมณ์ตัวเอง เพราะถ้าเอาแต่หนีอารมณ์ ความอดทนต่อความเครียดจะของเราก็จะบกพร่องลงด้วย

 

แถมการเก็บไว้คนเดียวยิ่งทำให้เรารู้สึกโดดเดี่ยวไปอีก วิธีที่ดีเลยเป็นการทำความเข้าใจอารมณ์ให้ลึกซึ้งและจัดการมัน

 

เริ่มที่การค่อย ๆ พิจารณาอารมณ์ที่เกิดขึ้น ก็จะช่วยเพิ่มทักษะการเข้าใจอารม์และทำให้เราแยกแยะมันได้ดีขึ้นได้

 

เพราะถ้าเราไม่ยอมรับความรู้สึกที่เกิดขึ้น จะตามหลอกหลอนเราไปตลอดชีวิต 

 

โดยรวมแล้ว “ฉันจะรักทุกเวอร์ชั้นที่ฉันเป็น” เป็นหนังสือจิตวิทยารู้สึกว่ามันอ่านง่าย ภาษาที่เขียนอ่านง่าย ไม่ได้ใช้ศัพท์ยากหรือหลักการที่ยากจนเกินไป