ความขยัน

เมื่อ ‘ ความขยัน ‘ กำลังทำร้ายฉัน

เรื่องAdminAlljitblog

คุณค่าของคุณไม่ได้ขึ้นอยู่กับปริมาณงานที่คุณทำ การขยันทำงานเป็นเรื่องที่ดีต่อองค์กรและดีต่อตัวเราจริงๆ หรือเปล่า? “ความขยัน” อาจกำลังทำร้ายเราโดยไม่ทันตั้งตัว

 

 

ความขยัน ที่ไม่ได้ส่งผลดี

 “ยุคที่ทำเท่าไหร่ก็ไม่เคยพอ” ในปัจจุบันเรามักจะเห็นประโยคนี้บ่อย ๆ ด้วยค่านิยม ด้วยรูปแบบการใช้ชีวิต ที่แข่งขันสูง อินเทอร์เน็ตและโซเชียลมีเดียสร้างช่องทำมาหากิน

 

ทำให้หนุ่มสาวที่ยังเรียนไม่จบเริ่มต้นเร็ว บางคนประสบความสำเร็จก่อนคนที่เรียนมหาลัยหรือคนที่ทำงานแล้ว ทำให้คนเหล่านั้นเกิดกดดันขึ้นมาว่าฉันจะต้องรีบ จะต้องขยัน

 

 

แอคทีฟมากขึ้น ฝืนตัวเองจนไม่มีความสุข 

มีงานศึกษาวิจัยออกมายืนยันว่าการ WFH มีประโยชน์และสามารถช่วยเพิ่ม Productivity ของพนักงานได้ Productivity เป็นหัวใจสำคัญในการพัฒนาการทำงาน 

 

บางคนมีน้อย บางคนมีมาก แต่ถ้ามีมากไปจนทำร้ายตัวเองอาจไม่ดีสักเท่าไหร่ หลายคนเชื่อว่า ฉันต้องยุ่งตลอด ฉันต้องมีงานตลอด จนขาด work-life balance ไปเลยก็มีเยอะ

 

 

Toxic Productivity ความขยัน ที่ทำร้ายเรา

Toxic productivity หมายถึง ความต้องการที่จะใช้ชีวิตให้ productive อยู่ตลอดเวลา การพยายามทำอะไรให้เยอะเข้าไว้ ทำงานทั้งวัน ทำกิจกรรมทั้งวัน 

 

บางคนเลือกที่จะออกกำลังกายต่อ เรียนคอร์สออนไลน์ต่อ หรือทำอะไรบางอย่างที่ต้องใช้แรงกายแรงสมองเกินที่จำเป็นต้องทำ หลังจากที่ตัวเองเลิกงาน

 

ไม่อนุญาตให้ตัวเองพักผ่อนเพราะกลัวจะต้องเจอกับความรู้สึกผิดความรู้สึกกังวลว่าตัวเองจะทำไม่มากพอทำไม่ดีพอ แล้วจะไม่ได้รับการยอมรับจากสังคม

 

 

วิธีรับมือ ความขยัน ที่ไม่ส่งผลดี

1. ฝึกการใช้ Work-life balance

Work-life balance คือ การแบ่งเวลาให้ทั้งกับงานและชีวิตส่วนตัว การกำหนดไว้อย่างชัดเจนเลยว่า วันไหน ทำอะไร แบบละเอียด

 

2. มี Self-talk และ Self care ที่ดี

มีการศึกษาทางจิตวิทยาเกี่ยวกับ self-talk มากมายที่พบว่า self-talk มีผลต่อการทำสิ่งต่าง ๆ อย่าลืมชื่นชมและดูแลเอาใจใส่ตัวเอง

 

3. เลิกเปรียบเทียบตัวเองกับคนอื่น

ฝึกเปรียบเทียบตัวเองกับคนอื่นให้น้อยลง สำรวจตัวเอง ให้มั่นใจว่าเราต้องการอะไร เราต้องการใช้ชีวิตแบบไหน แล้วโฟกัสกับชีวิตตัวเอง

 

 

เพราะทุกคนมีจังหวะการใช้ชีวิตที่แตกต่างกัน จะขยันมาก ขยันน้อย ก็มีความสุขได้ 🙂