การใช้ชีวิตของทุก ๆ คนย่อมมีความคาดหวังเกิดขึ้น ไม่ว่าจะการคาดหวังกับอนาคต ความรัก การงาน ไม่มีใครที่อยากเกิด ความผิดหวัง ในสิ่งที่เราคาดหวังไว้
บทความนี้ Alljit ร่วมกับคุณวันเฉลิม คงคาหลวง (นักจิตวิทยาการปรึกษา) เจ้าของแฟนเพจ Trust.นักจิตวิทยาการปรึกษา เมื่อเราผิดหวังแล้วเรามาหาวิธีรับมือกับความผิดหวังที่เกิดขึ้น ในวันที่ชีวิตไม่ได้เป็นดั่งใจ
การรับมือกับ ความผิดหวัง เมื่อชีวิตไม่เป็นดั่งใจ
การรับมือกับความผิดหวังเป็นเรื่องที่สำคัญมาก ๆ สำหรับชีวิตมนุษย์ เพราะว่าถ้าเรามองดูไปรอบ ๆ ตัวเราเเล้ว แนวโน้มที่จะเจอกับความผิดหวังจะมากกว่าเรื่องที่สมหวัง
ความน่าจะเป็นของความสมหวังมีน้อยกว่าความผิดหวัง ผิดหวังเป็นเรื่องที่เท่าทุน สมหวังเป็นเรื่องที่ได้กำไร
บ่อยครั้งคนเรามักจะเเก้ปัญหาเมื่อเจอกับความผิดหวัง ด้วยการที่เราไม่คาดหวังบ้าง คาดหวังเฉพาะเรื่องที่คาดหวังได้บ้าง ซึ่งอาจจะเป็นไปได้ที่จะแก้ปัญหาด้วยวิธีการนี้
แต่ว่าถ้าปัญหาจริง ๆ คือเรารับมือกับความผิดหวังไม่ได้ การแก้ปัญหาที่ถูกจุดจริง ๆ คือ “การเรียนรู้ที่จะรับมือกับความผิดหวัง”
เราจะรับมือกับ ความผิดหวัง ได้อย่างไร?
ย้อนกลับไปในวัยเด็ก ในช่วงเวลาที่มนุษย์เราเกิดมา จะมีหลักการที่เรียกว่า “หลักแห่งความสุข” (Pleasure Principle) เป็นหลักที่เด็กทารกจะยึดถือสิ่งที่ตอบสนองความต้องการทางจิตใจของตัวเองล้วน ๆ
เพื่อให้ตัวเองมีชีวิตอยู่รอดและเมื่อได้รับการตอบสนอง เด็กก็จะมีความสุข
เพราะฉะนั้นหลักแห่งความสุขจึงเป็นเรื่องของความสุข 100% เด็กที่อยู่แต่ในวงล้อของ Pleasure Principle ไม่เคยออกไปเจอกับความผิดหวัง ถูกพ่อแม่สปอย พอเจอกับความผิดหวังก็จะรู้สึกกังวลและกระวนกระวายใจ
บางคนอาจจะเกิดอาการแพนิค แล้วเขาก็จะรับมือกับความผิดหวังไม่ได้เพราะขาดภูมิต้านทาน และก็จะใช้วิธีไปรับมือแบบอื่นแทน เช่น ทำให้ตัวเองเป็นที่ 1 เสมอ ด้อยกว่าคนอื่นไม่ได้
อะไรที่ทำให้เรามีภูมิต้านทานต่อความผิดหวัง?
Reality testing คือภาวะที่ได้เรียนรู้ว่าสิ่งแวดล้อมจะไม่ได้เป็นดั่งใจเขา ตัวพ่อแม่หรือผู้เลี้ยงดูมีความจำเป็นอย่างยิ่ง ที่จะต้องตอบสนองต่อเด็ก โดยให้ทุกอย่างกับเขา ให้เขามีความสุขและไม่เจ็บปวด สิ่งแวดล้อมกลับตรงกันข้าม สิ่งแวดล้อมจะไม่ตามใจใคร
แต่สิ่งที่เข้ามาอยู่ในสิ่งแวดล้อมจะต้องเรียนรู้และปรับตัว เพราะฉะนั้นเมื่อเด็กเผชิญหน้ากับสิ่งแวดล้อม เด็กจะค้นพบกับความผิดหวังทันทีเพราะสิ่งแวดล้อมจะไม่ปรับตัวตามความต้องการของใคร
เมื่อเด็กเจอเหตุการณ์แบบนี้ แรก ๆ จะเกิดบาดแผลทางจิตใจ (Trauma) และวิตกกังวลตามมา
แต่เมื่อเด็กมีความยินยอมที่จะเผชิญหน้าหรือผู้เลี้ยงดูเข้ามาช่วยเหลือ ให้เขาเผชิญหน้ากับสิ่ง ๆ นั้นตามสมควร ไม่ปล่อยให้เจอกับความผิดหวังนานเกินไป สอนให้เขาเรียนรู้ว่าโลกใบนี้เป็นอย่างไร สังคมเป็นอย่างไร
ไม่ใช่ให้เขามองโลกในแบบที่เขาต้องการ เด็กก็มี Reality testing ที่ดีขึ้นและสิ่งที่ตามมาก็คือ เขาจะมี Sense Of Reality คือมีมุมมองและทัศนคติที่ตรงต่อความเป็นจริงมากขึ้น
เพราะฉะนั้นเด็กที่มี Reality testing และ Sense Of Reality ที่ดี ก็จะมีภูมิต้านทานกับความผิดหวังเยอะ เพราะเจอกับประสบการณ์กับความผิดหวังพอสมควร โดยมีผู้เลี้ยงดูที่คอยดูแลปกป้อง คอยสอน โอบอุ้มในวันที่เขาเจอกับความผิดหวัง
เช่น เวลาที่ลูกหกล้ม พ่อแม่ก็ต้องคอยสอนให้เขาเรียนรู้ที่จะพยุงตัวเองขึ้น ไม่โทษอย่างอื่น แทนที่จะบอกว่าทรายผิด หินผิดที่ทำให้ลูกล้ม เราสามารถบอกได้ว่าเขาสามารถร้องไห้ได้ ถ้าไม่อยากเจ็บแบบนี้อีก ลูกจะต้องระมัดระวังมากขึ้น
โลกตามธรรมชาติ VS โลกที่มนุษย์สร้างขึ้น
เราเปลี่ยนโลกนี้ไม่ได้ แต่สิ่งที่ทำได้คือปรับตัวเข้าหาสิ่งแวดล้อม ศึกษาว่าสิ่งต่าง ๆ เป็นอย่างไร คำว่าโลกมี 2 แบบ คือโลกตามธรรมชาติกับโลกที่มนุษย์สร้างขึ้น
โลกตามธรรมชาติ คือ ทุกอย่างเป็นไปตามกฎเกณฑ์ของธรรมชาติ ทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดมาล้วนต้องแตกสลาย มีข้อพิสูจน์เสมอ
โลกที่มนุษย์สร้างขึ้น คือ ค่านิยมหรือกฎเกณฑ์ต่าง ๆ ที่มนุษย์สร้างขึ้น ไม่มีสิ่งไหนพิสูจน์ได้ว่านี่คือข้อเท็จจริงแต่เราสร้างขึ้นมาแล้วยอมรับมัน เราสรุปรวมเอาเองว่านั่นคือข้อเท็จจริง
เราอาจจะต้องทำความเข้าใจกับโลกทั้งสองแบบก่อนว่า โลกตามกฎของธรรมชาติเป็นอย่างไรและโลกที่เราอาศัยอยู่ มนุษย์ส่วนใหญ่เขาวางกฎเกณฑ์และกติกาอย่างไร เพื่อที่จะทำความเข้าใจและปรับตัวเข้าหาโลก
เมื่อเรารู้ความจริงแล้ว ความจริงจะเป็นเพื่อนที่อยู่เคียงข้างเรา ในวันที่เราต้องเจอกับความผิดหวังได้ง่ายขึ้น เมื่อเรารับมือกับความจริงได้ เราจะเริ่มมีทักษะที่จะรับมือกับความผิดหวังได้
สรุปหลักสำคัญในการรับมือกับความผิดหวัง
1. มองโลกตามความเป็นจริง
2. ทำความเข้าใจโลกในแบบที่เป็น
3. อย่าคิดว่าโลกนี้จะต้องเป็นในแบบที่เราต้องการ
4. ปรับตัวเองให้เข้าหาโลกในแบบที่สมดุล
5. ค่อย ๆ เปิดใจว่าความผิดหวังเกิดขึ้นได้ และเผชิญหน้ากับความผิดหวัง
สิ่งเหล่านี้คือองค์ประกอบที่ทำงานร่วมกัน ที่จะค่อย ๆ สร้างภูมิต้านทานที่จะทำให้เรารับมือกับความผิดหวังได้มากขึ้น เมื่อเราเข้าใจข้อเท็จจริง มองเห็นความจริงของโลก
เรามีภูมิต้านทานกับความจริงส่งต่อไปถึงภูมิต้านทางต่อความผิดหวัง เราก็จะสามารถทำสิ่งที่สำคัญได้
นั่นก็คือ “การยอมรับต่อความผิดหวัง”
Post Views: 3,809