คงมีใครหลายคนที่ต้องเดินทางตาม ความฝันของพ่อแม่ ทำตามเส้นทางที่พ่อแม่กำหนด เดินตามกรอบที่พ่อแม่ได้วางไว้ให้เราในอนาคต แต่ก็คงมีใครอีกหลายคนที่ได้เดินทางตามความฝันของตัวเอง ได้เดินทางตามเส้นทางที่เราได้ขีดเขียนด้วยตัวเอง
บทความนี้ Alljit ร่วมกับ คุณรัชดาภรณ์ ศรีวิลัย นักจิตวิทยาคลินิก พูดคุยทุกประเด็นในเรื่องสุขภาพใจ คำถามที่คนเป็นลูกส่วนใหญ่ชอบตั้งคำถามว่า การไม่ทำตามความฝันของพ่อแม่คือสิ่งที่ลูกทำได้ไหม? ทำผิดไหม?
ถ้าเราไม่ทำตาม ความฝันของพ่อแม่ ที่กำหนดไว้เราจะผิดไหม?
ความฝันที่พ่อแม่ได้กำหนดเส้นทางในอนาคตให้กับลูก ทำให้ลูกหลาย ๆ คนรู้สึกเศร้า หดหู่ และบางคนอาจจะเลือกจบชีวิตตัวเองเพราะความรู้สึกกดดันกับความหวังที่ได้รับจากพ่อแม่
ในคำถามที่ว่า “การไม่ตามความฝันของพ่อแม่” ในฐานะของคนเป็นลูกผิดหรือไม่? ซึ่งไม่มีคำตอบไหนที่ตายตัวว่ามันถูกหรือผิด แต่มันขึ้นอยู่กับความรู้สึกมากกว่า
ถ้าเราไม่ทำแล้วเราจะมีความรู้สึกอย่างไรบ้าง เราเลือกทำตามความฝันของตัวเราเองตัวเราเองรู้สึกอย่างไรบ้าง
และพ่อแม่รู้สึกอย่างไรถ้าเราเลือกเดินทางตามฝันของตัวเอง เรามาลองตั้งคำถามกับตัวเอง เพื่อที่จะได้มาหาวิธีจัดการกับปัญหาร่วมกันกับพ่อแม่ คงจะดีกว่าการมานั่งหาคำตอบว่าอันไหนถูกหรือผิด
เพราะจริง ๆ การหาคนผิดไม่ใช่วิธีหาคำตอบของชีวิตครอบครัว
ทุกคนเกิดมามีความต้องการเป็นของตัวเอง ไม่ได้มีเพียง ความฝันของพ่อแม่ อย่างเดียว
เมื่อเราเกิดมาย่อมมีความต้องการเป็นของตัวเอง ทุกคนมีสิทธิคาดหวังกับคนที่ใกล้ชิดเราและกับครอบครัวของเรา ไม่ใช่แค่เรื่องของความฝันที่มาจากพ่อแม่ แต่เราก็มีความคาดหวังกับคนอื่น ๆ ด้วยเช่นกัน
แต่ความคาดหวังที่เกิดขึ้นต้องอยู่ในพื้นฐานความพอดี เพื่อไม่ให้เกิดความรู้สึกที่ทำร้ายซึ่งกันและกัน
ความแตกต่างของช่วงวัย
ความแตกต่างของช่วงวัยพ่อแม่กับลูก ทำให้เกิดผลกระทบต่อความคาดหวังเช่นกัน พ่อแม่ของเรามีวิธีการแนวทางในแบบของเขา สิ่งที่พ่อแม่เราคิดอาจจะมาจากการเลี้ยงดูของเขาในตอนเด็ก จึงทำให้เขาถูกปลูกฝังมาแบบนั้นและถูกส่งต่อมาให้เรา
การที่เราจะไม่เลือกทำตามในสิ่งที่เขาปลูกฝังมานั้นทำได้ แต่อยากให้เราได้ลองทำก่อน เพื่อที่จะได้รู้ตัวเองว่าเราเหมาะกับสิ่งนั้นไหม การที่เราได้ลองทำก็จะสามารถหาคำตอบให้กับตัวเองได้ ว่าเราเหมาะสมไหม
เมื่อเรารู้ว่าไม่เหมาะสมก็จะทำให้เราลดความขัดแย้งที่เกิดขึ้นในใจของเรา ที่มีต่อความคาดหวังของพ่อแม่ได้
ทบทวนความฝันของตัวเราเอง ตั้งคำถามกับความชอบ ความถนัดของตัวเอง
1. ในวันที่เราเลือกอยากทำตามความฝันของตัวเอง ทำอะไรแล้วมีความสุข การที่เราเข้าใจตัวเองว่าเราทำอะไรแล้วเรารู้สึกมีความสุข ทำสิ่งไหนแล้วเรารู้สึกหลงใหลกับสิ่งที่เราทำ เราสามารถนำสิ่งนั้นไปพูดต่อรองกับพ่อแม่ได้
อยากให้เราได้ลองตั้งคำถามว่าเราชอบอะไร อยากทำสิ่งไหน และอย่าลืมพื้นฐานความสามารถ ความถนัดที่เรามี การที่เราเลือกที่จะทำอะไรแล้วเราต้องอย่าลืมพื้นฐานความสามารถ ความถนัดที่เรามีด้วย
เพื่อให้ตัวเราได้เดินทางในเส้นทางที่เราไม่เหนื่อยเกินกำลังของตัวเองมากเกินไป
2. ลองถามตัวเองว่ามีอะไรที่เราชอบถึงแม้ว่าเราจะรู้สึกเหนื่อยกับมันมาก ๆ สิ่งเหล่านั้นอาจจะอยู่ลึก ๆ ในตัวเราเอง ที่เป็นความชอบ ความถนัดของเรา เป็นสิ่งที่เติมเต็มตัวเราเองได้
3. ความฝันของตัวเราเองกับความสัมพันธ์ทางการเงิน สามารถไปในทิศทางเดียวกันได้หรือเปล่า ตัวเราเองถ้าได้ทำตามความฝันของเราแล้ว สามารถเลี้ยงดูตัวเราได้ไหม
ความชอบกับความฝันของเราต้องสามารถดูแลตัวเราเองได้ สามารถประคับประคอบตัวเราได้ในอนาคต
4. เพราะอะไรเราถึงไม่ชอบในความคาดหวังของพ่อแม่ที่อยากให้เราทำ พอเราทำความเข้าใจกับตัวเราเองจะทำให้เราเข้าใจแน่ ๆ ว่าไม่ใช่ความต้องการที่เราอยากจะทำ
5. อะไรที่เป็นค่านิยมของเราในตอนนี้ ถ้าเราแน่ใจกับค่านิยม คุณค่าของความฝันโดยที่ไม่เกี่ยวกับสังคมรอบข้างในตอนนั้น จะช่วยทำให้เรามั่นใจกับสิ่งที่เราต้องการมากขึ้น
ถ้าเราตอบคำถามเหล่านี้กับตัวเราเองได้ เราอาจจะสามารถนำคำตอบเหล่านี้ไปเป็นเหตุผลสนับสนุนความฝันของเรา ให้พ่อแม่ของเราได้รับรู้ในสิ่งที่เราอยากทำ ในเส้นทางที่เราเลือกเดินในอนาคต
ความฝันของพ่อแม่ ที่คาดหวังไว้กับเรา ทำให้เรารู้สึกกดดันในตัวเรากับความคาดหวังที่พ่อแม่มอบให้ เรามีสิทธิที่จะทำตามหรือไม่ทำตามก็ได้ เพราะทุกคนมีความต้องการเป็นของตัวเอง
อยากให้เราได้ลองตั้งคำถามกับตัวเอง ว่าเรามีความชอบแบบไหน ความชอบของเราสามารถประคับประคองชีวิตของเราได้ไหมในอนาคต บางทีสิ่งที่พ่อแม่คาดหวังกับเรา เพราะอยากให้เราได้มีความมั่นคงในอนาคต
แต่ถ้าเราสามารถทำให้พ่อแม่มั่นใจ และหายกังวลกับอนาคตของเรา ท่านก็จะวางใจและลดปัญหาความขัดแย้งเรื่องความฝันของเราในอนาคตได้
Post Views: 3,221