พ่อแม่ไม่ชอบแฟน

พ่อแม่ไม่ชอบแฟน ทำยังไงดี

เรื่องAdminAlljitblog

ถ้าพูดถึงปัญหา พ่อแม่ไม่ชอบแฟน เรียกได้ว่าเป็นปัญหาที่ส่งผลต่อไปได้อีกมากมาย

 

เพราะถึงแม้ว่าความรักเป็นเรื่องของคน 2 คน  แต่การจะอยู่กันได้รอดอยู่ด้วยกันได้นานหรือไม่นั้น มักมีคนหลายคนเข้ามาเป็นเหตุปัจจัยด้ว

 

บทความนี้ Alljit ร่วมกับคุณวันเฉลิม คงคาหลวง (นักจิตวิทยาการปรึกษา) เจ้าของแฟนเพจ Trust.นักจิตวิทยาการปรึกษา

หลายคนอาจจะเข้าใจว่าเรื่องของชีวิตคู่ มันเป็นเรื่องของคนสองคน นั่นอาจไม่จริงเสมอไปสำหรับทุกคู่รัก บางทีก็อาจมีเรื่องของญาติผู้ใหญ่ หรือพ่อแม่เข้ามาเกี่ยวข้องในชีวิตคู่ด้วย

 

ทุกคนคงเคยได้ยินประโยคคลาสสิคยุค 90 กันมาบ้างใช่ไหมคะว่า “ถ้าคุณจะจีบเขา คุณต้องจีบเพื่อนเขาด้วย” 

 

ก็เพราะว่าสิ่งแวดล้อมมีผลต่อการเริ่มความสัมพันธ์ หรือเหนือไปกว่านั้นคือ เข้าทางพ่อแม่ของคนที่คุณจะจีบ เพื่อให้การจีบเขาง่ายขึ้น

 

แต่พอเรามีประสบการณ์ชีวิตมากขึ้น อาจไม่ใช่แค่เรื่องประสบความสำเร็จในการจีบกันอย่างเดียวแล้วค่ะ มีเรื่องที่เข้ากันได้ในเหตุปัจจัยของชีวิตที่เกี่ยวข้องด้วย บางคู่อาจไปกันได้รอด

 

แต่อาจต้องตัดหรือลดบางความสัมพันธ์รอบ ๆ ข้างออกไปเพื่อให้ชีวิตคู่ไปต่อ

 

หากลองสังเกตุดี ๆ ถ้าคุณเอนเอียงไปทางแฟนมากเกินไปก็อาจเป็นปัญหาครอบครัวตามมา

 

ถ้าเอนเอียงไปทางพ่อแม่มากเกินไปก็เป็นปัญหาของความสัมพันธ์คู่รักตามมาเช่นกัน เป็นปัญหาที่ค่อนยากต่อการรับมือจริง ๆ

สาเหตุที่ พ่อแม่ไม่ชอบแฟน

แบ่งออกเป็น 3 รูปแบบ  เพื่อให้ทำความเข้าใจได้ง่าย

รูปแบบที่ 1 คือ “พ่อแม่อาจไม่ชอบเพราะตัวเรา”  

หมายถึง ไม่ว่าคุณจะเลือกใครมาเป็นแฟน แต่เพราะคุณเป็นแบบนี้ เช่น ยังเรียนไม่จบ ยังไม่ทำสิ่งที่เขาต้องการให้ เขาก็จะปฎิเสธแฟนคุณเสมอ เหมือนเป็น challenge ที่ให้คุณเคลียร์ challenge ตัวเองถึงจะยอมรับ 

รูปแบบที่ 2 คือ “เรื่องของตัวแฟนคุณ”

ไม่เกี่ยวว่าคุณจะเลือกใครมาเป็นแฟน แต่พ่อแม่จะดูว่าแฟนคุณเป็นคนยังไง ถ้าเกิดแฟนคุณมีส่วนที่เขาไม่ชอบ เขาก็จะไม่ยอมรับ

รูปแบบที่ 3 คือ “เขาตั้งธงไว้อยู่แล้ว”

ว่าจะต้องเป็นแบบนี้เท่านั้น ไม่ว่าคุณจะเลือกใครมาเป็นแฟน แฟนคุณจะดีแบบไหนก็ตาม เมื่อคนที่คุณเลือกมาไม่ใช่แบบที่เขาต้องการเขาจะปฎิเสธหมดเลย 

คุณต้องลองวิเคราะห์ดูว่าของคุณนั้นอยู่ในเกณฑ์ไหน  

แนวทางแก้ไขเมื่อ พ่อแม่ไม่ชอบแฟน

รูปแบบแรก คือ พ่อแม่อาจไม่ชอบเพราะตัวเรา 

อาจใช้เวลาในการแก้ไขสักหน่อย ซึ่งเวลาของแต่ละครอบครัวก็จะไม่เท่ากัน เขาอาจไม่ได้กีดกัน แต่แค่อยากให้คุณทำตามสิ่งที่เขาอยากให้ทำเท่านั้น 

 

ฉะนั้นต้องสำรวจดูว่าพ่อแม่วางบทบาทของตัวคุณไว้อย่างไร

 

แน่นอนคุณสามารถจัดการได้ด้วยตัวเอง เช่น ถ้าวางบทบาทไว้ว่า คุณต้องเรียนจบก่อนถึงจะมีแฟนได้ คุณก็ทำตามบทบาทที่เขาตั้งไว้นั่นเอง

รูปแบบที่ 2 คือ เรื่องของตัวแฟนคุณ 

เขาจะคอยดูและวิพากวิจารณ์ว่าแฟนคุณเป็นอย่างไร อาจมีเส้นบาง ๆ ในใจว่า ไม่ชอบคนนิสัยแบบนี้ ท่าทางแบบนี้  อาจมาจากสิ่งที่เขาไม่ชอบส่วนตัว จากประสบการณ์ที่เขาฝังใจ ไม่อยากให้คุณเจอแบบที่เขาเคยเจอ 

 

ในส่วนนี้ “วิธีแก้ก็คือ ต้องให้แฟนคุณมารับรู้ เรียนรู้ว่า พ่อแม่คุณไม่ชอบแฟนที่ตรงไหน และไม่ชอบอย่างไร”  เพราะพ่อแม่อาจมีข้อคิดเห็นในมุมมองจากคนนอก อาจมีความคิดเห็นนอกเหนือจากคุณและแฟน 

 

ให้แฟนคุณมาทำ challenge ให้ผ่านไปได้ เพื่อให้พ่อแม่ยอมรับ แต่คุณอาจต้องสังเกตุและ

 

‘วิเคราะห์ด้วยว่าฝั่งพ่อแม่ให้โอกาสคุณกับแฟนไหม’ ?

 

บางทีพ่อแม่อาจชอบแฟนคุณนะ เพียงแค่อยากวางตัวให้ดูน่าเคารพและอยากให้แฟนคุณวางตัวให้ดี ๆ เท่านั้นเอง 

รูปแบบที่ 3 ค่อนข้างยากเมื่อพ่อแม่ได้ตั้งธงไว้แล้ว 

เช่น ต้องเป็นคนที่สมฐานะกับทางครอบครัวเท่านั้น หรือ ต้องเป็นคนเชื้อสายจีนเท่านั้น แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่าคุณจะผ่านมันไปไม่ได้นะ

 

เพียงแค่คุณอาจต้องฟันฝ่าอุปสรรคนี้สักหน่อย ถ้าหากลองทุกวิธีแล้ว แฟนคุณก็เป็นคนรักที่ดีพอแล้ว แต่ท่านก็ยังไม่ยอมรับในตัวแฟนคุณ

 

นั่นก็หมายความว่า คุณอาจต้องมาทำความเข้าใจ และยอมรับว่าพ่อแม่คุณเป็นแบบนี้

 

ลองวิเคราะห์ว่าสิ่งที่พ่อแม่คุณต้องการและที่เขาไม่เปิดโอกาสเป็นเพราะอะไรกันแน่ ต้องทำความเข้าใจพ่อแม่คุณเองก่อน

 

จากนั้นมาดูต่อว่าแฟนคุณเป็นคนที่คุณพร้อมที่จะอยู่กับเขาไหม เขาใช่ที่สุดสำหรับคุณไหม 

 

ลองชั่งน้ำหนักดูว่าสิ่งไหนสำคัญสำหรับคุณ หากอยู่ในจุดนี้บางอย่างคุณก็ต้องเลือกและยอมแลก 

 

หรือพ่อแม่บางคนอาจยอมรับการมีแฟน แต่เขามีเหตุผล เช่นต้องมีแฟนเป็นเชื้อสายจีนเท่านั้นนะ คุณก็อาจลองคิดว่าเลือกคนที่เป็นเชื้อสายเดียวกันก็เป็นทางออกที่ดีเช่นกัน

อาบน้ำร้อนมาก่อน

สุดท้ายแล้วพ่อแม่เองก็ควรที่จะเรียนรู้ไปพร้อมกับลูก เรียนรู้ไปด้วยกันไม่ปิดโอกาสลูกได้เลือก

 

ยอมรับว่าในสมัยนี้ได้เปลี่ยนแปลงไปแล้วไม่ยึดติดกับคำว่า “อาบน้ำร้อนมาก่อน”  มากเกินไป ให้ประสบการณ์ที่ผ่านมาเป็นสิ่งที่สอนให้คอยระมัดระวังได้

 

แต่ไม่ตัดสินใครว่าเป็นแบบไหนค่ะ และตัวคนเป็นลูกเองก็ควรศึกษาตัวพ่อแม่ด้วยเช่นกัน สำหรับบางเรื่องอาจพอพูดคุยได้

 

แต่ถ้าท่านไม่เปิดรับจริง ๆ อาจต้องลองชั่งน้ำหนักดู และยอมรับผลที่จะตามมาจากการตัดสินใจของตัวเองด้วย

 

ทาง Alljit หวังว่าบทความนี้จะเป็นประโยชน์กับทุกคน และลองนำไปปรับใช้กันดู