อ่านใจคน

อ่านใจคน ทำได้จริงหรือแค่คิดมากไป

เรื่องAdminAlljitblog

 Mind Reading อ่านใจคน พลังวิเศษหรือแค่ความคิดที่บิดเบือน?

 

Mind Reading  ไม่ใช่การอ่านใจคน

 

แต่เป็นการอ่านสีหน้า ท่าทาง คำพูด หรือภาษากายของอีกฝ่ายแล้วสรุปไปเองว่าอีกฝ่ายกำลังคิดหรือรู้สึกอะไรอยู่

 

แม้จะเขาไม่ได้พูดออกมาหรือไม่มีหลักฐานอะไรรองรับมากมาย Mind Reading เป็นเรื่องปกติ

 

โดยพื้นฐานจะบอกว่าทุกคนมีความสามารถในการอ่านใจคนได้ระดับหนึ่งก็ไม่ผิด  เพราะว่ามนุษย์เรามีความสามารถในการอ่านสีหน้า แววตา ภาษากาย ในระดับหนึ่งอยู่แล้ว 

 

คือคนเราจะดูออกว่าคน โกรธ เศร้า กังวล เครียด (บางคนอาจจะเรียกสิ่งนี้ว่่สัญชาติญาณ / Sence/อ่านบรรยากาศ /มวลอารมณ์)  

 

การอ่านใจส่วนใหญ่แล้วมีประโยชน์ในการเข้าสังคมหรืออยู่กับคนอื่น  เช่น ดูสีหน้าแล้วกำลังโกรธเลยยังไม่เข้าไปยุ่ง ดูท่าทางแล้วเขาอาจกำลังเครียด

 

Mind Reading แบบที่ถือว่าเป็นความคิดบิดเบือน

Mind Readig แบบที่จัดเป็นความคิดที่บิดเบือนและไม่ดีต่อสุขภาพจิตเรา มันคือการที่เราด่วนสรุปว่าอีกฝ่ายกำลงคิดอะไรอยู่

 

โดยส่วนใหญ่เป็นข้อสรุปทางลบ เราเผลอเชื่อการด่วนสรุปของเราโดยไม่รู้แน่ 100% ด้วยซ้ำว่าอีกฝ่ายคิดหรือรู้สึกอะไรกันแน่

 

มันรู้สึกจริงสำหรับเรา ในหัวเรา แต่มันอาจจะไม่ตรงกับความเป็นจริงที่เกิดขึ้น แต่มันรู้สึกจริง

 

การคิดบิดเบือน หรือการคิดแทนคนอื่น การที่เราคิดเอาเองว่าเราอ่านใจคนอื่นออกไหม?

 

หรือการคิดที่คิดว่าเรารู้ว่าคนอื่นกำลังคิดอะไร รู้สึกยังไง ต้องการอะไร โดยที่เราไม่ได้ข้อมูล หลักฐานที่ชัดเจน

 

บางครั้งการที่เราคิดแบบนี้ก็อาจทำให้เราเสีย ความมั่นใจ หรือเสียความรู้สึกจากความคิดที่เราคิดเอง… 

 

 

ความอันตรายของ Mind Reading

Mind Reading อาจทำให้เกิด Self-fulfilling prophecy ได้ (การอ่านใจคนอื่นอาจทำให้ผลลัพธ์ที่เรากังวลว่าจะเกิด มันเกิดขึ้นจริงๆ)

 

เช่น เรามีแฟน แล้วเราด่วนสรุปเลยว่าแฟนมีชู้ เราก็อาจจะไปมีชู้บ้างเพื่อประชดแฟน

 

หรือเราก็อาจจะตามตื้อตามเช็คจนมันเลยขอบเขตพื้นที่ส่วนตัวของกันและกัน สุดท้ายก็บีบรัดกันเกินไป

 

สุดท้ายอาจลงเอยที่เลิกกัน ทั้งที่ความคิดตอนต้นที่เราคิดว่าแฟนมีชู้ยังไม่มีหลักฐาน support หรือเรายังไม่ได้สืบให้แน่ชัด แต่เราปักใจเชื่อไปแล้ว

 

 

สาเหตุ

  • Mind Reading ปกติก็มาจาก Empathy/สัตว์สังคม (เราต้องอ่านสีหน้า/พฤติกรรมของคนอื่น)
  • Mind Reading แบบที่เป็นเชิงลบและด่วนสรุป
  • พื้นนิสัยเป็นคนคิดมากอยู่แล้ว
  • ประสบการณ์ที่ผ่านมาเป็นประสบการณ์เชิงลบ เลยปลูกฝังให้เราคิดเชิงลบ 
  • คนที่เป็น PTSD หรือ Social Anxiety Disorder จะมีแนวโน้ม Mind Reading มากกว่า
  • คนที่เป็น Autism จะยากกว่า เพราะว่าจะอ่านสีหน้าไม่เก่ง

 

วิธีแก้

  • ดึงตัวเองกลับมาอยู่กับปัจจุบัน อย่างที่บอก เราเห็นแค่คิ้วขมวด ใจเราเตลิดไปไกลเลย ไปคิดเรื่องรักไม่รัก เกลียดไม่เกลียด ซึ่งวิธีหนึ่งก็คือ รู้ตัวให้ทันว่าเรากำลังกังวลไปไกลกว่าสิ่งที่เป้นอยู่นะ แล้วก้หยุดคิด แล้วกลับมาที่ปัจจุบัน กลับมาที่เหตุการณ์ตรงหน้า เตือนตัวเองว่าเราไปไกลกว่าปัจจุบันมากๆ 

(หนึ่งพฤติกรรมเกิดได้จากหลายอารมรณ์ และหนึ่งอารมณ์สามารถก่อให้เกิดได้หลายพฤติกรรม เราไม่มีทางรู้ว่าคิ้วขมวดนี้แปลว่า โกรธ สงสัย มองไม่เห็น ปวดหัว กังวล ตั้งใจ หรืออื่นๆ )

 

  • รู้เท่าทันความรู้สึกของตัวเอง เราต้องรู้เห่ยเรากำลังจะทำอะไร คิดอะไร แล้วตั้งคำถามกับตัวเองว่าการที่เราทำสิ่งนี้มัันได้ประโยชน์จากมันไหม การที่เราคาดเดาแล้วไม่เป็นแบบที่คาดเดาทำให้เราผิดหวังรึป่าว

 

  • วิธีการสื่อสาร ถามให้ชัดเจน และเปิดใจเปิดกว้างไม่ตัดสิน หรือคาดเดาอีกฝ่าย เพราะหากเราทำแบบนี้ต่อไปก็อาจทำให้กระทบต่อความสัมพันธ์ได้ เพราะการเดาใจอีกฝ่ายอาจทำให้เกิดความเข้าใจผิดเกิดขึ้น