Mind Reading อ่านใจคน พลังวิเศษหรือแค่ความคิดที่บิดเบือน?
Mind Reading ไม่ใช่การอ่านใจคน
แต่เป็นการอ่านสีหน้า ท่าทาง คำพูด หรือภาษากายของอีกฝ่ายแล้วสรุปไปเองว่าอีกฝ่ายกำลังคิดหรือรู้สึกอะไรอยู่
แม้จะเขาไม่ได้พูดออกมาหรือไม่มีหลักฐานอะไรรองรับมากมาย Mind Reading เป็นเรื่องปกติ
โดยพื้นฐานจะบอกว่าทุกคนมีความสามารถในการอ่านใจคนได้ระดับหนึ่งก็ไม่ผิด เพราะว่ามนุษย์เรามีความสามารถในการอ่านสีหน้า แววตา ภาษากาย ในระดับหนึ่งอยู่แล้ว
คือคนเราจะดูออกว่าคน โกรธ เศร้า กังวล เครียด (บางคนอาจจะเรียกสิ่งนี้ว่่สัญชาติญาณ / Sence/อ่านบรรยากาศ /มวลอารมณ์)
การอ่านใจส่วนใหญ่แล้วมีประโยชน์ในการเข้าสังคมหรืออยู่กับคนอื่น เช่น ดูสีหน้าแล้วกำลังโกรธเลยยังไม่เข้าไปยุ่ง ดูท่าทางแล้วเขาอาจกำลังเครียด
Mind Reading แบบที่ถือว่าเป็นความคิดบิดเบือน
Mind Readig แบบที่จัดเป็นความคิดที่บิดเบือนและไม่ดีต่อสุขภาพจิตเรา มันคือการที่เราด่วนสรุปว่าอีกฝ่ายกำลงคิดอะไรอยู่
โดยส่วนใหญ่เป็นข้อสรุปทางลบ เราเผลอเชื่อการด่วนสรุปของเราโดยไม่รู้แน่ 100% ด้วยซ้ำว่าอีกฝ่ายคิดหรือรู้สึกอะไรกันแน่
มันรู้สึกจริงสำหรับเรา ในหัวเรา แต่มันอาจจะไม่ตรงกับความเป็นจริงที่เกิดขึ้น แต่มันรู้สึกจริง
การคิดบิดเบือน หรือการคิดแทนคนอื่น การที่เราคิดเอาเองว่าเราอ่านใจคนอื่นออกไหม?
หรือการคิดที่คิดว่าเรารู้ว่าคนอื่นกำลังคิดอะไร รู้สึกยังไง ต้องการอะไร โดยที่เราไม่ได้ข้อมูล หลักฐานที่ชัดเจน
บางครั้งการที่เราคิดแบบนี้ก็อาจทำให้เราเสีย ความมั่นใจ หรือเสียความรู้สึกจากความคิดที่เราคิดเอง…
ความอันตรายของ Mind Reading
Mind Reading อาจทำให้เกิด Self-fulfilling prophecy ได้ (การอ่านใจคนอื่นอาจทำให้ผลลัพธ์ที่เรากังวลว่าจะเกิด มันเกิดขึ้นจริงๆ)
เช่น เรามีแฟน แล้วเราด่วนสรุปเลยว่าแฟนมีชู้ เราก็อาจจะไปมีชู้บ้างเพื่อประชดแฟน
หรือเราก็อาจจะตามตื้อตามเช็คจนมันเลยขอบเขตพื้นที่ส่วนตัวของกันและกัน สุดท้ายก็บีบรัดกันเกินไป
สุดท้ายอาจลงเอยที่เลิกกัน ทั้งที่ความคิดตอนต้นที่เราคิดว่าแฟนมีชู้ยังไม่มีหลักฐาน support หรือเรายังไม่ได้สืบให้แน่ชัด แต่เราปักใจเชื่อไปแล้ว
สาเหตุ
- Mind Reading ปกติก็มาจาก Empathy/สัตว์สังคม (เราต้องอ่านสีหน้า/พฤติกรรมของคนอื่น)
- Mind Reading แบบที่เป็นเชิงลบและด่วนสรุป
- พื้นนิสัยเป็นคนคิดมากอยู่แล้ว
- ประสบการณ์ที่ผ่านมาเป็นประสบการณ์เชิงลบ เลยปลูกฝังให้เราคิดเชิงลบ
- คนที่เป็น PTSD หรือ Social Anxiety Disorder จะมีแนวโน้ม Mind Reading มากกว่า
- คนที่เป็น Autism จะยากกว่า เพราะว่าจะอ่านสีหน้าไม่เก่ง
วิธีแก้
- ดึงตัวเองกลับมาอยู่กับปัจจุบัน อย่างที่บอก เราเห็นแค่คิ้วขมวด ใจเราเตลิดไปไกลเลย ไปคิดเรื่องรักไม่รัก เกลียดไม่เกลียด ซึ่งวิธีหนึ่งก็คือ รู้ตัวให้ทันว่าเรากำลังกังวลไปไกลกว่าสิ่งที่เป้นอยู่นะ แล้วก้หยุดคิด แล้วกลับมาที่ปัจจุบัน กลับมาที่เหตุการณ์ตรงหน้า เตือนตัวเองว่าเราไปไกลกว่าปัจจุบันมากๆ
(หนึ่งพฤติกรรมเกิดได้จากหลายอารมรณ์ และหนึ่งอารมณ์สามารถก่อให้เกิดได้หลายพฤติกรรม เราไม่มีทางรู้ว่าคิ้วขมวดนี้แปลว่า โกรธ สงสัย มองไม่เห็น ปวดหัว กังวล ตั้งใจ หรืออื่นๆ )
- รู้เท่าทันความรู้สึกของตัวเอง เราต้องรู้เห่ยเรากำลังจะทำอะไร คิดอะไร แล้วตั้งคำถามกับตัวเองว่าการที่เราทำสิ่งนี้มัันได้ประโยชน์จากมันไหม การที่เราคาดเดาแล้วไม่เป็นแบบที่คาดเดาทำให้เราผิดหวังรึป่าว
- วิธีการสื่อสาร ถามให้ชัดเจน และเปิดใจเปิดกว้างไม่ตัดสิน หรือคาดเดาอีกฝ่าย เพราะหากเราทำแบบนี้ต่อไปก็อาจทำให้กระทบต่อความสัมพันธ์ได้ เพราะการเดาใจอีกฝ่ายอาจทำให้เกิดความเข้าใจผิดเกิดขึ้น
Post Views: 12