เปลี่ยนแฟนบ่อย มักถูกสังคมมองว่าเป็นเรื่องที่ไม่ดี แต่ถ้าไม่ตัดสินใจเลิกรา
แน่นอนว่าอีกทางเลือกหนึ่งคือการทนอยู่กับความสัมพันธ์เดิม รูปแบบไหนมีข้อดีหรือข้อเสียอย่างไร
เปลี่ยนแฟนบ่อย การมีแฟนหลายคน . .
มีประโยคนึงที่เคยได้ยินมาตั้งแต่เด็ก ๆ เป็นผู้หญิงอย่าเปลี่ยนแฟนบ่อยถ้าเสียแล้วมันเสียเลย ซึ่งเราก็ไม่เข้าใจในตอนนั้นแต่ด้วยความที่โตมาเราเติบโตมาเรื่อย ๆ
เรามีความเข้าใจในความรัก พูดคุยกับคนใกล้ตัวมากขึ้นในเรื่องของการเปลี่ยนแฟนบ่อย ทุกครั้งที่เปลี่ยนความสัมพันธ์มีความเสียใจเกิดขึ้น และบางกรณีก็เจอความรักที่ไม่ดี
เมื่อเราโตขึ้น มีวุฒิภาวะขึ้น เรามีสิทธิ์ในร่างกาย และการใช้ชีวิตของเรา เราเลือกทำอะไรได้หลายอย่างมากขึ้นรวมถึงการมีแฟนก็เช่นเดียวกัน
ทำไมผู้หญิงมักถูกต่อว่าเมื่อเปลี่ยนความสัมพันธ์บ่อย ๆ
ความเชื่อที่มองว่าผู้หญิงจะเสียเปรียบ
ยังคงมีความเชื่อว่าผู้หญืงคือฝ่ายเสียเปรียบเมื่อเปลี่ยนแฟนบ่อย ๆ ถูกมองว่าไม่ดีบ้าง ถูดลดทอนคุณค่าจากทุกครั้งที่เปลี่ยนความสัมพันธ์
ซึ่งความจริงแล้วเราทุกคนย่อมมีสิทธิเลือกสิ่งที่ดี สิ่งเหมาะให้กับตัวเอง
ความเชื่อที่ว่าผู้หญิงต้องรักนวลสงวนตัว
ขนบธรรมเนียม ประเพณีตั่งต่างที่เกิดขึ้นทำให้ผู้หญิงต้องรักนวลสงวนตัว แต่งกายให้เรียบร้อย เป็นผู้หญิงต้องมีมารยาท มีความอาย ถ้าใครสวนทางหรือแสดงออกความเป็นตัวเอง
ที่ไม่ตรงกับขนบธรรมเนียม เช่น การแสดงความรักในที่สาธาณะ หอมแก้ม จับมือ หรือการที่คนอื่นเห็นว่าเปลี่ยนแฟนบ่อย ยังเป็นที่ไม่ยอมรับกันอยู่ในสังคม
เราให้คุณค่ากับรักยืนยงคงกระพัน เพราะมันดูสมบูรณ์แบบ
เป็นแฟนกันต้องอดทนนะ,คู่นี้คบกันนานจังดูดีจังเลย เพราะคำพูดเหล่านี้ทำให้ถูกมองว่าการเปลี่ยนแฟนบ่อย ๆ ถูกมองว่าไม่ดี ชอบคนง่ายบ้าง โลเลบ้าง
แต่ที่จริงแล้วความสัมพันธ์ที่ดีไม่จำเป็นต้องอดทนจนไม่เป็นตัวเอง และการคบกันยาวนานไม่ใช่สิ่งพิสูจน์ความรักเสมอไป
วัฒนธรรมดั้งเดิม การชายเป็นใหญ่ ซึ่งยังคงหลงเหลืออยู่บ้าง
ระบบชายเป็นใหญ่ ระบบที่เอื้อให้กับเพศชาย ไม่ว่าจะเป็นในฐานะพ่อ สามี ลูกชาย หรือผู้นำในชุมชน สถาบัน นั้น ๆ สามารถมีอำนาจและสิทธิเหนือกว่าเพศอื่น ๆ
ไม่ว่าจะเป็นทางด้านเศรษฐกิจ สังคม การเมือง วัฒนธรรม ศาสนา การตัดสินใจต่าง ๆในชีวิตประจำวัน รวมถึงการให้คุณค่า การยกย่องเชิดชู ความเป็นชายของบุคคลและสังคมนั้น ๆ
เพราะฉะนั้นแล้วจึงเป็นคำตอบทำไมผู้ชายเปลี่ยนแฟนบ่อยไม่ถูกโจมตี หรือตั้งคำถามเท่าผู้หญิง
ความสัมพันธ์ Toxic
ความสัมพันธ์ที่เป็นพิษ ที่ทำให้ไม่มีความสุขทั้งจิตใจและร่างกาย เป็นความสัมพันธ์ที่จะมีฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งหรืออาจจะทั้งคู่ที่มุ่งจะทำร้ายกันมากกว่ามอบความรัก
ความเมตตาต่อกัน ทำให้รู้สึก ไร้ค่า หมดแรง หรืออาจจะกลับทบไปถึงความสัมพันธ์ของเรากับคนรอบตัว การทำงานต่าง ๆ ได้ด้วย
เราจะรู้ได้ยังไงว่าอยู่ในความสัมพันธ์ Toxic
- รู้สึกไม่ปลอดภัยเหมือนถูกจับผิดทั้งที่ไม่ได้ทำอะไร และไม่มีพื้นที่ส่วนตัวเลย
- รู้สึกเจ็บปวดทั้งร่างกายและจิตใจ อาจจะทั้งการโกหก การนอกใจ และรวมถึงการทำร้ายร่างกาย
- รู้สึดหมดแรงเวลาอยู่กับคนๆ นั้น และทั้งรู้สึก ทุกข์ เหนื่อยใจ โกรธ เหงา เหนื่อย
- รู้สึกโทษตัวเอง มองว่าตัวเองไม่มีคุณค่า เกิดการตั้งคำถามกับตัวเองซ้ำ ๆ
ส่งผลต่อความสัมพันธ์อย่างไร
- ทำให้เราไม่มีความสุขเมื่ออยู่ด้วยกัน เกิดเรื่องทะเลาะ ขัดหูขัดตากันตลอดเวลา
- ความรู้สึกไม่มั่นคงปลอดภัย ในการใช้ชีวิตคู่
- กระทบกับการใช้ชีวิต คนรอบข้าง
- เกิดการตั้งคำถามกับตัวเองว่า เรามีค่าพอหรือไม่ เราไม่ดีตรงไหน
การเคารพความรู้สึกตัวเอง ความสัมพันธ์ไม่มีผิดหรือถูก
ถ้าเลือกได้ เชื่อว่าหลาย ๆ คนอยากเจอคนที่ใช่และคบกันได้ลงตัว คงไม่ใช่ทุกคนที่อยากจะเปลี่ยนแฟนบ่อย ๆ เพื่อมาเริ่มนับหนึ่งใหม่ทุกครั้งหรอก
แต่ในเมื่อความเป็นจริง ไม่ใช่ทุกคนจะสามารถเจอคนที่ใช่ได้ง่าย ๆ และคนเรานั้นเปลี่ยนแปลงได้เสมอ เลือกเพื่อนยังเคยเลือกผิด เลือกเสื้อผ้ายังเคยเลือกผิด
เลือกแฟนผิดจะเป็นอะไร ทุกคนมีโลกในอุดมคติของตัวเอง อย่าตัดสินคนอื่นเพียงแค่เปลี่ยนแฟนบ่อยเลย และการพาตัวเองออกมาก็คือการที่เราเริ่มเคารพตัวเอง
ถ้าอันไหนไม่ดีและไม่ใช่อย่าเสียเวลาเลย ชีวิตคนเราสั้นเกินกว่าจะอยู่ในความสัมพันธ์ที่ Toxic
” ระบบชายเป็นใหญ่”คืออะไรนะ?
Post Views: 898