เพราะว่าเรา เปลี่ยนไป ตามเรื่องราวที่เราพบเจอ
การเปลี่ยนแปลง
การเปลี่ยนแปลง ถ้าเป็นเรื่องของตัวเอง เราก็อาจจะยังพอหาคำตอบและรับมือกับมันได้
เช่น เสาร์นี้มีนัดเจอกับเพื่อน เลือกชุดไว้ตั้งแต่วันจันทร์ มีกำลังใจตื่นเช้าในวันหยุด ตื่นเต้น ตั้งใจแต่งตัว
แต่เพื่อนดันมาเทนัดในวินาทีสุดท้ายตอนที่กำลังจะออกจากบ้าน ความเปลี่ยนแปลงได้ถือกำเนิดขึ้นในใจแล้ว
จากอารมณ์ที่ดีกลายเป็นเซ็งหรือบางคนอาจจะหงุดหงิดเลยก็ได้ พอเป็นเรื่องอารมณ์ความรู้สึกของเรา เราน่าจะรู้ตัวเราดีใช่ไหม
แต่การที่เพื่อนเปลี่ยนใจแล้วไม่บอกเหตุผล กลายเป็นว่าเราเองที่พยายามหาเหตุผล ซึ่งก็มีได้ทั้งเพื่อนอาจจะมีเหตุจำเป็น ไข้ขึ้น มีงานด่วน
หรือแค่ขี้เกียจออกจากบ้านแล้ว เราจะคิดไปต่าง ๆ นานา ทั้งคิดแทนทั้งคิดไปเองอาจจะคิดจากประสบการณ์เดิมของตัวเองด้วย
ก็สะท้อนให้เห็นนะคะว่า ถ้าคนรอบข้างเราเปลี่ยนไป เราอาจไม่มีทางเข้าใจการเปลี่ยนไปของพวกเขาเลย
ยิ่งถ้าเราไม่ได้รับการอธิบายหรือไม่ทราบสาเหตุมาก่อน ความเครียด คิดมากกับตัวเองว่า ‘หรือเราทำอะไรผิด’ ก็จะตามมา
และคิดว่าหลาย ๆ คนก็คงอยากรู้แต่ก็ไม่กล้าถามอีกฝ่ายเพราะกลัวว่าบางอย่างอาจจะไม่เป็นอย่างที่หวังหรือกลัวว่าความสัมพันธ์จะเปลี่ยนไป
เปลี่ยนแปลงเหมือนกับเปลี่ยนไปไหม เพราะบางครั้ง ในบางเรื่องราวหรือบางความสัมพันธ์เราอาจจะรู้สึกว่าอย่างน้อย
‘เปลี่ยนแปลงได้แต่อย่าเปลี่ยนไป’ พอได้หาความหมายตามพจนานุกรมก็พบว่าความหมายใกล้เคียงกัน
แต่เมื่อเราพูดแต่ละคำในประโยคเดียวกัน เช่น อย่าให้สิ่งนั้นมาเปลี่ยนแปลงชีวิตฉัน กับ อย่าให้สิ่งนั้นมาทำให้ชีวิตฉันเปลี่ยนไป
ฟังแล้วให้ความรู้สึกต่างกันเล็กน้อย คำว่าเปลี่ยนแปลงดูเป็นอะไรที่ค่อนข้างใช้เวลา
ค่อย ๆ เปลี่ยน แต่เปลี่ยนไป เหมือนกับว่าอยู่ ๆ ก็พบว่าสิ่งนั้นเปลี่ยนไปจนไม่ทันตั้งตัว จากหน้ามือเป็นหลังมืออะไรทำนองนี้
ก็เลยคิดว่ามันคงอาจจะอยู่ที่บริบทการใช้ ถ้าอยากให้รู้สึกดี การใช้คำว่าเปลี่ยนแปลงอาจจะดีต่อใจมากกว่าเปลี่ยนไป
สาเหตุการเปลี่ยนแปลง
สาเหตุที่ทำให้คนนึงเปลี่ยนแปลงไปอาจจะเกิดจากหลายปัจจัย หลายเหตุผลก็ได้ เพราะ ‘ทุกสิ่งบนโลกไม่มีอะไรแน่นอน’
เมื่อเวลาเปลี่ยน ไม่ว่าใครก็เปลี่ยนไปได้กันทั้งนั้น ตัวเราในวันนี้ก็สามารถต่างจากเราในเมื่อวานก็ได้
เมื่อวานชอบเพลงป๊อปแต่วันนี้กลับเริ่มชอบเพลง Alternative ขึ้นมา แต่ก่อนดื่มหวานปกติ เดี๋ยวนี้ชอบดื่มหวานน้อย
หรือวันนี้รัก พรุ่งนี้หมดรักไปดื้อ ๆ แล้วก็มี มันเลยไม่แปลกที่คนรอบข้างเราก็อาจจะเปลี่ยนไปตามเรื่องราวของตัวเองได้เช่นกัน
สิ่งที่ควรทำเมื่อพบความเปลี่ยนแปลง
ในเมื่อเราหลีกเลี่ยงการเปลี่ยนแปลงไม่ได้ สิ่งแรกที่เราต้องมีคือ สติ รับรู้ ทบทวนจนกว่าจะมั่นใจว่ามันเกิดการเปลี่ยนแปลงขึ้นจริง ๆ
เพราะการเปลี่ยนแปลงส่วนใหญ่มักอยู่กับเราเรื่อย ๆ โดยที่เราอาจไม่ทันสังเกตหรือตั้งตัวว่ามันเปลี่ยนไปตั้งแต่เมื่อไร
ต่อจากนั้นสิ่งสำคัญ คือ การยอมรับความเปลี่ยนแปลง แม้ว่ามันจะยากในช่วงแรก มองว่ามันคือจุดเริ่มต้นของคนที่มีความพยายามในการเดินหน้าต่อไป
แต่ถ้ารู้สึกยังไม่พร้อมยอมรับความเปลี่ยนแปลง ไม่ต้องกดดันตัวเองให้ยอมรับในทันที เพราะการฝืนยอมรับทั้งที่ใจไม่โอเค
ผลที่ตามมาโดยเฉพาะใจเราเอง ก็อาจไม่โอเคด้วย แต่ถ้าเป็นเรื่องที่เราอึดอัดใจกับการกระทำคนอื่นที่เปลี่ยนไปจนรู้สึกแย่กับตัวเอง
บางทีการอดทน ปล่อยไปก็ไม่ได้ช่วยอะไร การสื่อสารเพื่อปรับความเข้าใจตนเองหรือเพื่อปรับความเข้าใจกับผู้อื่นอาจจะเป็นทางออกที่ช่วยได้มากกว่า
เราสามารถเลือกตัดสินใจได้ว่าเราจะเลือกอดทนต่อความเปลี่ยนแปลง และผ่านมันไปด้วยตัวเองหรือเลือกสื่อสารออกไป
หากเรื่องนั้นเกี่ยวข้องกับคนรอบข้างด้วยซึ่งถ้าพูดไปแล้ว ผลลัพธ์มันน่าจะดีขึ้นก็ขอให้สื่อสารออกไปดีกว่า
ยอมรับความเปลี่ยนแปลง
บทเรียนของการมีสติและยอมรับการเปลี่ยนแปลง คือ เราจะใช้ชีวิตด้วยความเข้าใจและพร้อมรับมือมากขึ้นว่าคนเรา
ต้องเจอสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไปได้ตลอดเวลา ไม่มีใครเหมือนเดิมได้ตลอด เราเองก็ด้วย ยอมรับได้ว่าตอนนี้มีอะไรเปลี่ยนแปลงไป
แล้วเรารู้สึกอะไรกับการเปลี่ยนแปลงนั้น และค่อย ๆ หาวิธีรับมือกับมันไป คนที่มีสติและมีความมั่นใจในคุณค่าของตัวเอง
จะไม่หวั่นไหวและสามารถจัดการรับมือเมื่อเกิดความเปลี่ยนแปลงได้รวดเร็ว แต่ถ้าคนที่จิตใจไม่มั่นคง ไม่มั่นใจในตัวเอง
ความรู้สึกกลัวต่าง ๆ มันอาจจะเข้ามาครอบครองจิตใจที่อ่อนไหวของเราได้ ไม่ใช่ว่าเราจะเกิดความรู้สึกกลัวไม่ได้
กลัวได้ตามกลไกธรรมชาติของจิตใจ ยอมรับความกลัวนั้นก่อนก็เป็นเรื่องดีเช่นกัน
ในทางจิตวิทยาจะเรียกว่า การโอบกอดอารมณ์ไว้อย่างมีสติ คือ การรับรู้อารมณ์ความรู้สึกอย่างเหมาะสม แล้วค่อย ๆ ประคองจิตใจให้รับมือกับความเปลี่ยนแปลงนั้นต่อ
ปรับความคิด mindset ของตัวเอง
การเริ่มต้นสังเกตและยอมรับความเปลี่ยนแปลงมันอาจจะทำได้ยาก แต่ถ้าทำได้ก็ดีเหมือนกัน
เพราะถ้ามองอีกมุม การให้โอกาสตัวเองได้ลองสัมผัสและเรียนรู้ถึงการเปลี่ยนแปลงในแต่ละวัน
ถือเป็นการเปิดโอกาสให้ตัวเองได้เติบโตขึ้น เพราะการที่เรารับรู้และยอมรับความเปลี่ยนแปลงที่อาจจะเกิดจากตัวเราหรือคนใกล้ตัวเราได้
เป็นวิธีที่ทำให้เราเข้าใจโลกความจริงมากขึ้น เราอาจจะค้นพบการมีความสุขโดยง่ายผ่านการเรียนรู้ที่จะอยู่กับมัน
เพราะในเมื่อเราห้ามสิ่งที่จะเกิดขึ้นไม่ได้ เราก็แค่ยอมรับมัน เศร้าบ้าง เอนจอยบ้าง ต้องปรับตัวกันไป ลดความคาดหวังลงหน่อยจะได้ไม่เจ็บมาก
กลับมาโฟกัสความสุขของตัวเองมากขึ้น ชีวิตก็จะง่ายขึ้นตามไปด้วย
ก่อนจบค่ำคืนนี้ อยากฝากข้อความสุดท้ายไว้อีกครั้งว่า การที่คน ๆ นึงจะเปลี่ยนไป เรารับรู้และใส่ใจได้เท่าที่พอดีกับใจเรา
พึงระลึกไว้เสมอว่าทุกสิ่งล้วนเปลี่ยนแปลงได้ หนึ่งนาทีหลังจากนี้ อาจจะมีการเปลี่ยนความคิดเปลี่ยนใจในบางเรื่องก็ได้เช่นกัน
ถ้าเรามองว่า การเปลี่ยนแปลงเล็ก ๆ ในใจเราได้รวมตัวกันเป็นมวลพลังที่จะทำให้เรากล้าที่จะก้าวออกจาก comfort zone นั่นเป็นสัญญาณที่ดี
อยากให้เพื่อน ๆ ค่อย ๆ ฝึกการยอมรับความเปลี่ยนแปลงที่พร้อมจะเกิดขึ้นได้ทุกเวลาอย่างสม่ำเสมอ
อย่าลืมขอบคุณตัวเองที่ก้าวผ่านความยากเหล่านั้นมาได้สำเร็จ สำหรับคืนนี้เข้านอนด้วยจิตใจที่สงบและเป็นสุข :))
Post Views: 581