เราเป็นคนใจร้อนหรือเปล่า

อยากเป็นคนใจเย็นกว่านี้ อยากสุขุมกว่านี้ ในตอนนี้ เราเป็นคนใจร้อนหรือเปล่า

เรื่องAdminAlljitblog

เราเป็นคนใจร้อนหรือเปล่า เคยตั้งคำถามนี้กันไหมคะ? ว่าความใจร้อนของเราเคยทำให้ใครเดือดร้อน หรือทำให้ใครทุกข์ใจหรือเปล่า

 

บทความนี้ Alljit ร่วมกับคุณวันเฉลิม คงคาหลวง (นักจิตวิทยาการปรึกษา) เจ้าของแฟนเพจ Trust.นักจิตวิทยาการปรึกษา อยากเป็นคนใจเย็นกว่านี้ อยากสุขุมกว่านี้ ในตอนนี้ เราเป็นคนใจร้อนหรือเปล่า

 

“อยากเลิกเก็บคำพูดคนอื่นมาคิด อยากเลิกใส่ใจคำพูดคนอื่น” หลาย ๆ คนมักจะเกิดความทุกข์ เพราะเก็บบางสิ่งบางอย่างจากผู้อื่นมาไว้กับตัวเอง จนทำให้เรามาตำหนิตนเอง

เราเป็นคนใจร้อนหรือเปล่า ทำไมเราถึงเก็บคำพูดคนอื่นมาคิด?

ย้อนไปในวัยเด็ก เราอาจจะได้รับคำตำหนิบางอย่าง จนสูญเสียการมองเห็นคุณค่าในตัวเอง (Self-esteem) จนทำให้เราเจ็บปวดและรู้สึกว่าคำพูดของคนอื่นมีอิทธิพลต่อเรามาก

 

ในช่วงเวลานั้นเราเองก็ไม่สามารถรู้ได้อย่างชัดเจนว่าอะไรผิดหรือถูก หรือต่อให้รู้ก็ห้ามให้เก็บเอามาคิดไม่ได้ เพราะคนสำคัญเป็นคนพูด 

 

จนเกิดเป็นการจดจำ ว่าอะไรก็ตามที่คนรอบข้างไม่เห็นด้วยกับเรา เราจะเป็นคนผิดทันที เเละเมื่อเกิดเหตุการณ์นั้นบ่อย ๆ ในประสบการณ์วัยเด็ก ก็จะเชื่อว่าเป็นแบบนั้นทั้งหมด

 

สุดท้ายแล้วเด็กคนนั้นก็จะกลายเป็นคนที่ไม่มีความมั่นคงทางจิตใจ มีความวิตกกังวลสูง กลัวคนอื่นตำหนิ เชื่อว่าคำพูดที่คนอื่นพูดถูกเสมอและนำคำพูดเหล่านั้นมาทำร้ายตัวเอง

 

ลองค่อย ๆ จินตนาการ ว่าตัวเรายืนอยู่ท่ามกลางคำพูดคนอื่นที่สาดใส่ตัวเรามาเรื่อย ๆ เเล้วเราคือคนที่วิ่งตามคำพูดคนอื่น ไปตามทิศทางของคำพูดคนอื่น แสดงว่าเรากำลังเป็นคนไม่มีหลักยึด

 

เพราะว่าลึก ๆ แล้ว ขาดการมองเห็นคุณค่าในตัวเอง ไม่รู้ว่าจริง ๆ แล้วเราเป็นคนแบบไหน ไม่รู้ว่าเรามีข้อดีอย่างไร

 

เลยต้องตามคำพูดของคนอื่นตลอด เพราะฉะนั้นเมื่อเราตระหนักถึงคุณค่าของตัวเอง คำพูดเหล่านั้นก็จะไม่มีผลกระทบต่อตัวเรา

เมื่อเรารับและเก็บคำพูดคนอื่น จะมีวิธีแก้ไขอย่างไร?

“พิสูจน์คำพูดนั้น”

พิสูจน์คำพูดเหล่านั้นด้วยการเอาข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นออกมา ถ้าพิสูจน์แล้วไม่จริงให้เราเชื่อความจริงที่อยู่ตรงหน้า แต่ถ้าพิสูจน์เเล้วจริง ให้เรายอมรับกับสิ่งนั้น แต่ไม่ได้ยอมรับแล้วปล่อยทิ้ง

 

ยอมรับแล้วแก้ไขใหม่ ไม่ต้องเปลี่ยนตัวตนของตัวเองแต่พัฒนาเป็นตัวเราในเวอร์ชั่นที่ดีขึ้น

“สร้างคุณค่าในตัวเอง”

แต่ก็มีอีกกรณีหนึ่ง ที่ถึงแม้จะพิสูจน์แล้วว่าคำพูดนั้นไม่จริง ตัวเราเองกลับไม่เชื่อ อาจจะเป็นประเด็นเรื่องของการมองเห็นคุณค่าในตัวเอง เพราะเราไม่มีหลักยึด เราจึงกระเด็นไปตามความคิดของผู้อื่น ทางลัดของการสร้างคุณค่าในตัวเอง

 

อาจจะเป็นการไปพบนักจิตวิทยาหรือใครสักคนที่พร้อมจะฟีดแบคให้เราได้ คนที่เขาหวังดีกับเราจริง ๆ มีมิตรภาพที่ดีต่อกัน ที่สามารถช่วยเหลือคุณได้อย่างตรงไปตรงมาและสามารถทำให้เรามองเห็นคุณค่าในตัวเอง

 

เพราะบางครั้งการมองเห็นคุณค่าในตัวเองได้เราอาจจะต้องหาใครสักคนที่จะเป็นตัวกลางในการสะท้อนให้เรามองเห็นคุณค่าในตัวเองได้ชัดขึ้น

 

การเลือกคนที่จะปรึกษาเป็นเรื่องสำคัญมาก ๆ เพราะฉะนั้นอาจจะต้องเลือกคนที่เราสัมผัสความรู้สึกของเขาได้ ว่าเขาหวังดีกับเราจริง ๆ ลองเปิดใจเชื่อเขา

 

แต่ถ้าเราสามารถที่จะมองหาคุณค่าของตัวเองได้ เราก็ไปในทิศทางนั้นได้เลย เมื่อเรามีหลักยึดของตัวเองเเล้ว

 

เราก็จะไม่กระเด็นกระดอนไปตามคำวิพากษ์วิจารณ์ของคนอื่น แต่เราจะพิจารณาตัวเองก่อนว่าเราเป็นแบบนั้นจริง ๆ หรือเปล่า เพื่อนำมาพัฒนาตัวเองให้ดีขึ้นใช่ไหมคะ

 

Related Posts