Silent Treatment เป็น Emotional manipulation เป็นพฤติกรรมชักจูงทางจิตวิทยาอย่างนึง
เป็นการควบคุมหรือครอบงำความรู้สึกนึกคิดของผู้อื่นให้เป็นไปในแบบที่ตัวเองต้องการ
Silent Treatment การเงียบเพื่อก่อสงครามในความสัมพันธ์ ไม่ว่าจะเป็นพ่อแม่ เพื่อน เพื่อนร่วมงาน แฟน
เคยไหมที่ตอนเด็ก ๆ เราอยากได้ของเล่นแต่พ่อไม่ให้เราเลยเลือกใช้วิธี ‘ดื้อเงียบ’ เพื่อที่จะได้ของเล่นมา
ซึ่งพฤติกรรมแบบนี้เรียกว่าเป็นการ ปฏิเสธที่จะสื่อสารทางคำพูดกับอีกฝ่าย ซึ่งเป็นการแสดงออกแบบ Passive aggressive ใน Toxic relationship
อ้างอิงจาก Hall-Flavin พฤติกรรมแบบ Passive aggressive เป็นการแสดงออกอารมณ์ทางลบอ้อม ๆ
เป็นการกระทำและสิ่งที่พูดจะไปคนละทาง เช่น การงอนเงียบ เมิน สร้างบรรยากาศตึง ๆ หน่วง ๆ แต่บอกว่า ‘ไม่ได้เป็นอะไร’
เมื่อคนคนหนึ่งถูกใช้ Silent Treatment เพื่อการลงโทษ ไม่ว่าจะในระดับไหนก็ตาม มันสามารถสร้างความรู้สึกว่าพวกเขาถูกขับออก
และตัดขาดจากสังคมที่เขามีความต้องการเป็นส่วนร่วม ซึ่งเป็นความต้องการสำคัญของสัตว์สังคม
จนนำไปสู่ความรู้สึกล้มเหลวในตัวเอง และคนที่โดนเงียบใส่บ่อย ๆ ก็จะเครียด ความมั่นใจในตัวเองน้อยลง เศร้า จนไปถึงซึมเศร้าได้เหมือนกัน
เช่น พ่อแม่ เพิกเฉยความต้องการของลูก
การโดนเพื่อนเมิน ไม่พูดด้วย โดนแบน
การไม่ถูกรวมกลุ่มในสังคมที่ทำงาน
การโดนแฟนงอน
เงียบแบบไหนที่เรียกว่า Silent Treatment
เพราะบางคนอาจจะเป็นคนเงียบอยู่แล้วอย่างที่บอก
- ถูกเมินเฉยใส่หลายวันหรืออาจเป็นเดือน
- ปฏิเสธไม่คุย สบตา กดรับสาย หรือตอบข้อความ
- กลับไปเงียบใส่เหมือนเดิมทุกครั้งที่อะไรหลายๆ อย่างไม่เป็นไปตามหวัง
- ใช้ Silence Treatment เป็นการลงโทษ เวลาที่หงุดหงิด
- ต้องการให้ขอโทษหรือให้ความสนใจ
การศึกษาพบว่า การถูกเพิกเฉยจะกระตุ้นสมองส่วนเดียวกับเวลาได้รับความเจ็บปวดทางร่างกาย
ทำให้เมื่อคนเราถูกปฏิบัติอย่างเย็นชา ไม่ได้รับการใส่ใจ ไม่ได้รับการตอบสนอง ไม่ว่าจะจากคนรักหรือศัตรู ความเจ็บปวดของการถูกเพิกเฉยนั้น จึงแทบจะไม่ต่างกัน
วิธีแก้ไข
ความเงียบเหมือนดาบสองคม บางสถานการณ์เราใช้ได้ เช่น ถ้าเราเป็นคนคุมอารมณ์ไม่อยู่ ถ้าเราพูดคุยไปเลยมันอาจจะมีผลเสียมากกว่าผลดี
ตอนนั้นเราเลือกเงียบได้นะ แต่เราก็ควรบอกอีกฝ่ายก่อนหน้านั้นในช่วงที่เราอารมณ์คงที่ ว่าเราเป็นคนแบบนี้นะ
ไม่ได้เงียบเพื่อหนีปัญหาหรือเจตนาที่ไม่ดี แต่ถ้าหากว่าเราเงียบเพราะเรามีเจตนาที่อยากทำร้ายอีกฝ่ายจริง ๆ
เราคงต้องกลับมาดูตัวเองว่าสาเหตุที่เราทำคืออะไร ทำเพื่อเอาชนะ อยากให้เขาสนใจ แน่นอนว่าผลลัพธ์ที่กว่าจะให้เขาสนใจ
Post Views: 14