พฤติกรรมของครอบครัวบางทีก็เป็น คนบั่นทอนจิตใจ เราโดยไม่รู้ตัว
บทความนี้ Alljit ร่วมกับ คุณรัชดาภรณ์ ศรีวิลัย นักจิตวิทยาคลินิก พูดคุยในทุกประเด็นในเรื่องสุขภาพใจ ทำอย่างไรดี? เมื่อครอบครัวคือคนบั่นทอนจิตใจ
ในสังคมไทยเรานั้นมักจะรักลูกแบบตั้งความหวังให้ลูกต้องเรียนดี ๆ โดยไม่ถามว่าลูกชอบหรือไม่ชอบอะไร
คำพูดฮิตติดปาก คือ จบมาจะได้เป็นเจ้าคนนายคน จึงมักบังคับ กวดขันโดยไม่เคยถามลูกสักคำว่าลูกชอบไหม ลูกอยากเรียนอะไร
ครอบครัวคือ คนบั่นทอนจิตใจ
ช่วงวัยรุ่นเป็นวัยที่กำลังเรียนรู้ กำลังพัฒนาตัวเอง พัฒนาการทางด้านอารมณ์ การเข้าสังคม ความรู้สึกทางด้านจิตใจ ถ้าพ่อแม่ไม่ให้อิสระ ไม่สนับสนุนในสิ่งที่ลูกอยากทำ ในสิ่งที่ลูกอยากเป็น
ได้แต่ให้ลูกทำในสิ่งที่ตัวเองวางแบบแผนไว้ให้เท่านั้น จนไปใส่ความกดดัน ใส่ความเป็นตัวเองมากกว่าตัวลูกลงไป ซึ่งในมุมของพ่อแม่อาจจะคิดว่าที่ทำไปก็เพื่ออนาคตของลูก
จนเกิดเป็นความคาดหวังแล้วปิดกั้นไม่เปิดพื้นที่รับฟังเสียงความรู้สึกของใด ๆ คิดว่าดีที่สุดในมุมของตัวเองคือดีที่สุดสำหรับลูกเช่นกัน แต่อย่าลืมว่าดีที่สุดสำหรับพ่อแม่อาจจะไม่ใช่ดีที่สุดสำหรับลูกก็เป็นได้
บางครอบครัวคิดว่าการด่าทอจะทำให้ลูกดีขึ้นได้ แต่ความเป็นจริงสิ่งนั้นอาจจะส่งผลเสียมากกว่าผลดีด้วยซ้ำ เพราะมีแต่จะส่งผลลบ ส่งผลกระทบ เพราะการด่าทอนอกจากจะไม่ให้กำลังใจลูกแล้ว
สิ่งเหล่านี้ยังสามารถไปกระทบต่ออารมณ์ของลูกได้อีกด้วย ในมุมมองของพ่อแม่อาจคิดว่าการด่าทอนั้นจะเป็นแรงกระตุ้นให้ลูกเปลี่ยนแปลงไปในทิศทางที่ดีขึ้น แต่ในมุมของลูกคงคิดว่าลูกยังดีไม่พอหรอ
ลูกโง่มากเลยใช่ไหม ซึ่งสิ่งเหล่านี้อาจจะไม่ได้ส่งผลดีต่อลูกมากเท่าที่ควร ลูกอาจจะรู้สึกแย่ลงไปเรื่อย ๆ กับสิ่งที่พ่อแม่ให้มา ความเป็นจริงลูกอาจจะอยากได้กำลังใจมากกว่าคำด่าทอจากพ่อแม่
และอาจจะนำไปสู่เหตุการณ์บางอย่าง เช่น ทำให้สิ่งที่ลูกเคยอยากทำกลับกลายเป็นว่าไม่อยากทำอีกต่อไป ถ้าหากวันนี้เราอยู่กับครอบครัวที่มีแต่การด่าทอ ลองคิดดูก่อนว่าตอนนี้เรารู้สึกอย่างไร
อยากให้เราลองบอกกับครอบครัวว่าเรารู้สึกเช่นไรกับสิ่งที่ครอบครัวเป็นอยู่ตอนนี้ การที่เราได้พูดออกไปตรง ๆ ไม่ได้บ่งบอกแน่ชัดว่าเขาจะเปลี่ยนไปหรือเข้าใจ
แต่อย่างน้อยก็อาจจะช่วยให้เขาตระหนักได้ว่าการกระทำของเขานั้นส่งผลต่อเราอย่างไรได้บ้าง ถ้าพ่อแม่ไม่รับฟัง อย่างน้อยเราได้พูดในสิ่งที่คุณควรจะพูด
สร้างพลังบวกให้ตัวเอง
ถ้าวันนี้เรายังต้องอยู่กับครอบครัวที่ไม่รับฟัง เราอาจจะต้องสร้างพลังบวกให้กับตัวเอง เช่น อ่านหนังสือ พบปะเพื่อนฝูง ทำกิจกรรมใหม่ ๆ เพราะอย่างน้อยภายใน 1 วัน
คุณยังมีความสุขจากสิ่งเล็ก ๆ นั้นได้ ด้วยการรับพลังบวก ๆ จากคนที่มีพลังบวกมากระตุ้นให้ตัวคุณเองมีความสุข มีพลัง เมื่อไหร่ก็ตามที่คุณรู้สึกแย่ พยายามอย่าอยู่กับพลังลบ ๆ นั้นนานจนเกินไป
อยากให้เราลองมองมุมมองให้หลากหลายมากขึ้น ใครที่ว่าเราเขาอาจเคยเห็นแค่มุมเดียวของเราก็เท่านั้น แต่ตัวเราเองเท่านั้นที่รู้ว่าตัวเองมีมุมอื่นที่มากกว่าที่เขาพูดถึง เรายังมีมุมอื่นอีกมากมายที่ไม่ใช่อย่างที่เขาพูด
เราอาจจะไม่ต้องไปตอบโต้แต่ขอให้เราตระหนักและรับรู้ศักยภาพของตัวเอง ว่าแท้จริงแล้วตัวเองเป็นอย่างไร พยายามทำความเข้าใจอีกฝ่าย
โดยเฉพาะคนในครอบครัว ว่าพฤติกรรมของเขาอาจเป็นกลไกป้องกันตัวเองอย่างหนึ่งที่เขาไม่สามารถสื่อสารไปในทิศทางที่ดีกว่านี้ได้
ความรู้สึกข้างในของเขาอาจเต็มไปด้วยความเป็นห่วงใยที่มากล้น เพราะฉะนั้นถ้าเราเข้าใจเขาได้ว่า สิ่งที่เขาพูดนั้นคือการที่เขาอยากให้เราดูแลตัวเองดี ๆ
เพราะเป็นห่วงเรา แต่นิสัยของเขาดันเป็นคนที่ชอบพูดจาแบบนี้ก็เท่านั้น
พยายามเข้าใจความรู้สึกของตัวเองให้มากพอ
เมื่อไหร่ก็ตามที่มีคนมาว่าเรา พยายามทำความเข้าใจรู้สึกของตัวเองให้มากพอ เพราะคนส่วนใหญ่ที่มาวิจารณ์เรา เขาก็ได้เห็นแค่บางมุมของเราก็เท่านั้น แต่เมื่อไหร่ก็ตามที่เรารู้ว่าตัวเองมีข้อดี ข้อเสียอย่างไร
เราก็จะยอมรับได้และไม่ตกใจหรือเสียใจเมื่อเขาตำหนิเรา เพราะฉะนั้นเรื่องนี้สำคัญมากที่เราจะต้องรู้จักตัวเอง เพราะเราจะยอมรับกับสิ่งนั้นได้ดีมากขึ้นกว่าเดิม
พยายามอย่าเอาคำพูดเหล่านั้นมาตัดสินว่าคุณดีไม่พอ ทัศนคติของเราจะช่วยทำให้เราดีข้ึนได้ อย่าเอาคำพูดของคนอื่นมาตัดสินว่าเราจะทำผิดพลาดไปหมดทุกอย่าง
ไม่ว่าตอนนี้เราจะมีเรื่องทุกข์ใจมากน้อยแค่ไหน จงจำไว้ว่าบนโลกนี้ไม่มีใครสมบูรณ์แบบหรือทำให้เราถูกใจได้ครบหนึ่งร้อยเปอร์เซ็นต์
ถ้าใครกำลังทุกข์ใจหรือเสียใจอยู่กับคำพูดบั่นทอนของคนในครอบครัวอยู่ ขอเป็นกำลังใจ ขอจับมือไว้แน่น ๆ และขอเป็นพื้นที่ปลอดภัย ถ้าหากต้องการระบายให้ใครสักคนฟัง ทางเรายินดีและพร้อมรับฟังสุดหัวใจ
Post Views: 3,937