วิธี การ Move On จากนักจิตวิทยา ให้เราอยู่กับปัจจุบันมากยิ่งขึ้นพร้อมก้าวต่อไป

เรื่องAdminAlljitblog

การ Move On จากอดีต จากผู้คน จากสถานที่ จากสัตว์เลี้ยงที่จากเราไป เพื่อให้เราใช้ชีวิตกับปัจจุบันให้ได้ เรามักจะเจอกับคนที่ Move On ไม่ได้เยอะมากจนเจอกับคำพูดที่ว่า “ Move On เป็นวงกลม ”

 

บทความนี้ Alljit ร่วมกับคุณวันเฉลิม คงคาหลวง (นักจิตวิทยาการปรึกษา) เจ้าของแฟนเพจ Trust.นักจิตวิทยาการปรึกษา

การ Move On คืออะไร

การ Move On คือการเดินไปข้างหน้า แต่บางครั้งที่เราเดินไปข้างหน้าไม่ได้เพราะเราต้องเผชิญหน้ากับอะไรบางอย่าง และเราไม่ได้เลือกที่จัดการกับสิ่งนั้นแต่เลือกที่จะอยู่กับอะไรเดิม ๆ ลูปเดิม ๆ

 

และเข้าสู่คอนเซป Move On เป็นวงกลม…

การ Move On เป็นวงกลมจากสิ่งต่าง ๆ

คนรัก คนที่จากเราไป สถานที่ที่เคยไป สัตว์เลี้ยง การ Move On ได้ ไม่ได้แปลว่าจะไม่คิดถึง เรามีสิทธิ์ที่จะคิดถึงความทรงจำในอดีตของเราอยู่เสมอ ไม่ว่าจะดีหรือไม่ดี

 

ความคิดถึงเป็นเจตจำนงค์และอภิสิทธิ์ที่เราทุกคนมีต่อตนเอง ที่เราจะสามารถมอบมันให้กับความทรงจำที่อยู่ในจิตใจเราได้ เพราะฉะนั้นการที่เราเดินไปข้างหน้าแต่ยังคิดถึงเขา ไม่ได้แปลว่าเราไม่ได้ Move On แต่เป็นเรื่องปกติที่เกิดขึ้นได้

 

แต่ถ้าเมื่อไหร่ก็ตามที่เราคิดถึงแต่ไม่ได้เดินต่อ กลับรู้สึกว่าคิดถึงแล้วต้องกลับไปหาหรือจมกับอะไรบางอย่าง อาจจะเป็นสัญญาณเตือนแล้วว่าเรายัง Move On ไม่ได้หรือบางทีเราอาจจะเดินออกมาเเล้ว แต่เป็นตัวเราเองที่เลือกจะเดินกลับไป 

เราคิดถึงหรือคาดหวังกันแน่?

นอกจากความคิดถึงอาจจะมีสิ่งที่เรียกว่าความคาดหวังอยู่ในนั้น หลาย ๆ ครั้งค้นพบว่าการ Move On ไม่ได้จากอะไรบางอย่าง มองดูผิวเผินแล้วเหมือนเรายึดติดกับตัวบุคคลและวัตถุ

 

แต่ถ้ามองลึกลงไปอาจจะมีความคาดหวังอะไรบางอย่าง  อาจจะเป็นสัญญาใจที่ยังทำไม่สำเร็จ มีเรื่องที่สัญญาไว้แล้วยังไม่ได้ทำหรือความคาดหวังที่จะทำบางอย่างร่วมกันในอนาคต

 

มักมีความต้องการบางอย่างแอบแฝงในตัวเราเองเสมอ เหมือนกับว่าถ้าเราไม่กลับไป เราก็จะไม่ได้ทำสิ่ง ๆ นี้ เราก็คงจะรู้สึกแย่กับตัวเอง เราเลยที่จะทำตามความต้องการและความคาดหวังของตัวเอง 

 

อาจจะไม่ผิดที่เราเลือกทำตามความคาดหวังตัวเอง แต่เราต้องมีเรื่องที่ต้องโฟกัสกับตัวเองมากมาย เมื่อไหร่ก็ตามที่เราเลือกที่จะกลับไปหาคนเก่า ๆ สถานที่เก่า ๆ

 

ลองกลับมาถามตัวเองก่อนว่าเรากลับไปหาเขา หรือกลับไปหาความรู้สึกบางอย่างที่มีต่อเขา

 

ในความรู้สึกนั้นอาจจะมีความความหวัง และความต้องการของตัวเองไว้ ถ้าเป็นแบบนั้นสิ่งที่เราต้องจัดการจริง ๆ ไม่ใช่เรื่องราวของเราและเขา แต่เป็นเรื่องราวของเราเองและจิตใจภายใจของเราเอง 

 

เมื่อไหร่ก็ตามที่เรายอมรับ ว่าเราเกิดความคาดหวังขึ้นและสามารถที่จะจัดการกับตัวเองได้ เราก็จะสามารถเดินต่อไปได้ แต่ถ้าเรายังยึดติดอยู่ เราอาจจะจมอยู่กับความรู้สึกของตัวเองจนเดินต่อไม่ได้

การ Move on ไม่ได้ก็ไม่ได้แย่นะ  

อาจจะเป็นในเรื่องของพ่อแม่ คนรักหรือสัตว์เลี้ยงที่จากเราไปแล้ว เเละเรารู้สึกว่าการกลับไปหาความทรงจำเก่า ๆ เหมือนเป็นการพักใจอยู่ในลูปนั้นเพียงชั่วขณะหนึ่งของชีวิต

 

เพราะรู้สึกว่าเป็น Comfort Zone ที่เราเคยมีแต่ตอนนี้ได้หายไป จริง ๆ แล้วความรู้สึกนี้ไม่ได้เเย่เลย

 

แต่ถ้าเมื่อไหร่ก็ตามเราจมกับความรู้สึกนั้น จนไม่ได้สามารถใช้ชีวิตต่อไปได้ ตรงนั้นก็จะเป็นปัญหา ซึ่งอาจเกิดจากการที่เรายึดติดจนไปต่อไม่ได้ เพราะในความทรงจำนั้นมีความรู้สึกบางอย่างที่ยึดติดเราไว้อยู่

Memory Without Feelings

คือ ความทรงจำที่ปราศจากความรู้สึก จะเหลือเพียงแค่เรื่องราวที่เกิดขึ้น เหลือเพียงการตกตะกอนหรือแง่คิดต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นในชีวิต แต่ไม่มีความรู้สึกใด ๆ ที่เคยมีในอดีตกับความทรงจำนั้นอีกต่อไปแล้ว

 

เมื่อเราพาตัวเองมาอยู่ในจุด Memory Without Feelings เราก็จะสามารถออกจากหลุมกับดักของตัวเองได้ ซึ่งเป็นหลุมที่เราขุดไว้เองและเลือกที่จะกลับไปอยู่ในหลุมนั้นด้วยตัวของคุณเอง

 

เพราะอดีตอาจจะเคยเป็นบ้านหลังหนึ่งที่เป็น Comfort Zone เเล้วเราก็รู้สึกดีกับสิ่งนั้นแต่วันนี้ได้หายไปแล้วจนเราโฟกัสเพียง Comfort Zone ในความทรงจำมากกว่า Comfort Zone ที่มีตัวตนอยู่จริงในชีวิต เราก็ยังเลือกกลับไปหาสิ่งนั้นเรื่อย ๆ 

 

ซึ่งก็ไม่ผิดที่ยึดติดแล้วสามารถไปต่อได้ แต่ถ้ายึดติดจนเราใช้ชีวิตต่อไปไม่ได้ เราอาจจะต้องกลับมายอมรับ และลองเผชิญหน้ากับความสูญเสีย ความผิดหวัง 

 

ทางออกจากอดีตคือการยอมรับมัน แต่ทางไปต่อคือการดำเนินชีวิตให้ดียิ่งขึ้น