ในยุคที่ทุกคนต้องประสบพบเจอเรื่องราวในชีวิตมากมาย ซึ่งอาจทำให้เกิดความเครียด ความเหนื่อยล้า การได้ดูหนังหรือซีรี่ส์ดีๆ สักเรื่อง อาจช่วยบรรเทาความเครียด ความเหนื่อยล้าที่เกิดขึ้นได้
Alljit ร่วมกับ มิ้น พนิดา มิตรวงษา จะมาแนะนำ รีวิว วิเคราะห์ ชวนทุกคนพูดคุยเกี่ยวกับ ซีรี่ส์ดีต่อใจเรื่องหนึ่ง
ที่อาจจะทำให้วันของทุกคนเป็นวันที่ดีขึ้นได้ และวันนี้เราจะมาพูดถึงซี่รีย์เกาหลีชื่อ Move to Heaven
Move to Heaven ซีรี่ส์แนว slice of life ที่หยิบยกความจริงของชีวิตมาเล่า กำกับโดยคิมซองโฮและฉายทาง Netflix ในปีพ.ศ. 2564 นอกจากภาพและ Mood and Tone จะถ่ายทำออกมาได้สวยงาม
มีการเลือกพาเลทสีของสิ่งต่างๆ ในฉาก ไม่ว่าจะเป็นเสื้อผ้าตัวละคร สถานที่ องค์ประกอบฉากที่ดี ซึ่งสถานที่ที่ชอบที่สุดคือบ้านของตัวละครหลัก
เพราะตกแต่งออกมาได้มินิมอล อบอุ่น เนื้อเรื่องครบรสและคาแรกเตอร์ของตัวละครมีหลายมุมที่ค่อนข้างน่าสนใจ
เรื่องนี้เป็นซีรี่ส์เรื่องหนึ่งที่ช่วยเตือนให้เราฉุกคิดได้ดีเลยว่า ทุกวันนี้เราตระหนักถึงคุณค่าของการมีชีวิต ดูแลและใส่ใจผู้คนรอบข้างที่เรารักและรักเรามากพอหรือเปล่า?
หลาย ๆ คนน่าจะเคยได้ยินคำว่า “Take someone or something for granted”
ก็คือการที่เราไม่เห็นคุณค่าของคนบางคนหรือสิ่งบางสิ่งมากพอ จนวันหนึ่งเสียมันไป มันอาจสร้างความรู้สึกที่ติดค้างในใจเราไปทั้งชีวิตก็ได้เพราะเราอาจจะหลงลืมไป นึกว่าวันพรุ่งนี้จะยังมีอยู่เรื่อย ๆ
Move to Heaven : ซีรีส์ที่นำเสนอถึงความตาย
ซีรี่ส์เรื่องนี้นำเสนอถึงความตาย ผ่านการเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นในชีวิตของเด็กผู้ชายวัย 20 ปีที่เป็นโรคออทิสซึม
หรือที่เรียกกันว่าเป็นเด็กออทิสติก ฮันกือรูกับฮันจองอู ผู้เป็นพ่อ ทำงานเป็นผู้เก็บกวาดสถานที่เกิดเหตุภายใต้บริษัทเล็กๆ ที่ชื่อว่า Move to heaven
สิ่งของสำคัญจะถูกเก็บลงในกล่องสีเหลืองเพื่อมอบให้กับครอบครัวหรือบุคคลอื่นๆ ที่มีความสำคัญต่อผู้เสียชีวิต
ซึ่งจากการเดินทางไปทำงานตามสถานที่ต่าง ๆ ข้าวของของผู้เสียชีวิตในสถานที่เกิดเหตุมักบอกใบ้ถึงตัวตนของผู้เสียชีวิตและภารกิจสุดท้ายที่ยังค้างคาอยู่
รอให้ได้รับการช่วยเหลือและทำให้สำเร็จลุล่วง แต่เหตุร้ายดันเกิดขึ้น ฮันกือรูต้องเสียพ่อไปอย่างกะทันหัน ทำให้โจซังกู หรือคุณอา ที่พอพ้นโทษ จึงต้องมารับหน้าที่เป็นผู้ปกครองของฮันกือรูแทน
Move to Heaven : ตัวละคร
1. ฮันกือรู
เด็กผู้ชายวัย 20 ปีที่เป็นโรคออทิสซึม หลายฉาก หลายตอน น่าจะทำให้คนทั่วไปที่ไม่คุ้นเคยกับคนที่เป็นโรคออทิสซึมได้เห็นและได้เข้าใจลักษณะของโรคนี้มากขึ้น อาการหลักๆ ที่เห็นได้จากการดูซีรี่ส์เรื่องนี้คือ
“ผู้ที่มีภาวะนี้จะมีความหมกมุ่นกับเรื่องที่ตัวเองสนใจเป็นอย่างมาก”
ฮันกือรูจะสนใจเกี่ยวกับสัตว์น้ำ พันธุ์ปลาชนิดต่างๆ ถึงขนาดที่ว่าสามารถจำชื่อจำรายละเอียดเชิงลึกได้แม่น พูดออกมาได้เหมือนกับเอาหนังสือมาตั้งตรงหน้าแล้วอ่านตามเลยหละค่ะ
“ผู้ที่มีภาวะนี้จะมีปัญหาในการมีปฏิสัมพันธ์ทางสังคม”
เนื่องจากไม่สามารถรับรู้อารมณ์ของผู้คนรอบข้างได้ดีนัก ทำให้การสื่อสารและการแสดงออกไม่ว่าจะเป็น สีหน้า ท่าทาง อารมณ์ จะแตกต่างจากคนทั่วไป
ซึ่งหลาย ๆ ครั้งมักไม่ค่อยเหมาะกับสถานการณ์สักเท่าไหร่ ซึ่งหากไม่มีผู้ดูแลหรือผู้ปกครองคอยตักเตือน อาจทำให้เกิดอันตรายต่อผู้ที่มีภาวะนี้ได้
“ผู้ที่มีภาวะนี้จะยึดติดกับกฏเกณฑ์ ไม่ยืดหยุ่น”
เห็นได้ชัดเจนเลยคือ บ้านจะสะอาดเรียบร้อย ทุกอย่างจะถูกจัดวางไว้อย่างเป็นระเบียบ แยกหมวดหมู่ไว้ชัดเจน
นอกจากนี้ฮันกือรูจะซีเรียสในเรื่องข้าวของเครื่องใช้ภายในบ้านมาก ว่าสิ่งนี้เป็นของตัวเอง สิ่งนี้เป็นของคุณพ่อ คนอื่นจะมาใช้สิ่ง ๆ นี้ไม่ได้
2. ฮันจองอู
ฮันจองอู พ่อของฮันกือรู ครอบครัวมีบทบาทสำคัญที่สุดในการดูแลเด็กออทิสติก เขาคือคุณพ่อตัวอย่างที่มีลูกเป็นเด็กพิเศษ คุณพ่อรู้ธรรมชาติของลูกว่าเป็นยังไง ยึดติดกฏเกณฑ์ใช่ไหม พ่อเข้าใจและปรับตามนั้น ฉากที่น่าสนใจคือ
พอถึงเวลาอาหารเช้า พ่อเอาไข่ดาวที่ทำมาวางบนโต๊ะแล้วไข่แดงแตก พอเห็นลูกแสดงออกว่าไม่สบายใจ กระวนกระวาย เลยสลับของตัวเองไปให้
อีกประเด็นที่น่าประทับใจคือ ฮันกือรูรู้จักตัวเอง รู้ดีว่าตัวเองเป็นโรคอะไร แต่คุณพ่อไม่เคยทำให้ฮันกือรูรู้สึกว่าสิ่งที่เป็นเป็นข้อด้อย เขาสร้างความรู้สึกที่ดี
สร้างความเชื่อมั่นในตัวเองให้ลูก ว่าลูกทำได้ทุกอย่างเหมือนคนอื่น ทำงานได้ ขับรถได้
นอกจากนี้คุณพ่อยังเป็นเจ้าของโควทที่เราชอบที่สุดในเรื่องนี้ด้วย คุณพ่อเคยบอกกับฮันกือรูไว้ว่า “ถึงจะมองไม่เห็นคนนั้น ไม่ได้แปลว่าว่าไม่ได้อยู่เคียงข้าง และตราบใดที่จดจำได้ เขาจะไม่มีวันหายไป”
3. โจซังกู
โจซังกูหรือคุณอาของฮันกือรู เขาเป็นนักมวยที่หารายได้จากการชกต่อยและใช้ความรุนแรง เป็นตัวละครหนึ่งที่ออกจะห่ามๆ พูดขวานผ่าซาก มองโลกในแง่ร้าย แต่หลังจากที่ได้ใช้ชีวิตร่วมกับฮันกือรู
รวมถึงได้ทำงานที่ move to heaven ทำให้ความคิด ทัศนคติต่อโลกนี้ของเขาเปลี่ยนแปลง โจซังกูเป็นคนๆ หนึ่งที่จิตใจดี เพียงแต่สื่อสารและแสดงความรักความอบอุ่นไม่เป็นเท่านั้นเอง
4. ยุนนามู
ยุน นามู เป็นตัวละครที่น่ารักมาก เป็นเพื่อนสนิทที่บ้านอยู่ตรงข้ามกับฮันกือรู คอยช่วยเหลือในสิ่งที่ฮันกือรูจะทำอยู่เสมอ และหลายๆ ครั้งก็ไปทำงานกับฮันกือรูด้วย
เขาเป็นตัวอย่างที่ดีของ social support ซึ่งเป็นอะไรที่สำคัญมาก เพราะดีต่อสุขภาพจิต
และทำให้หลายๆ คนมีแรงจูงใจที่จะก้าวผ่านเรื่องยากๆ ก้าวผ่านปัญหาในชีวิตที่กำลังเผชิญอยู่ได้
ข้อคิดชวนให้คิด
1. ความตายคือความยุติธรรมและเป็นกลาง
ไม่มีแบ่งแยก เป็นอะไรที่ไม่ว่าคนๆ นั้นจะเป็นอย่างไร ใช้ชีวิตมายังไง จะดีจะร้าย สุดท้ายแล้วก็ต้องเจอกับความตายทั้งหมด
เป็นเรื่องที่ไม่มีใครเลี่ยงได้ ความตายเป็นเรื่องธรรมชาติ ขอบคุณที่ตัวเองยังมีชีวิตอยู่ อยากทำอะไรก็ทำ อยากใช้ชีวิตยังไงก็ใช้
2. ทุกคนต้องเจอการสูญเสีย
คนที่เรารักและรักเรา ไม่ได้อยู่ค้ำฟ้า อยู่ไปตลอด วันหนึ่งตายจากกันแล้วไม่มีวันที่โอกาสจะหวนคืนกลับมาอีก ถ้าไม่อยากรู้สึกเสียใจ รู้สึกเสียดายไปทั้งชีวิต
อยากสนับสนุนให้ทุกคนใส่ใจและทำดีกับคนรอบข้างตอนที่เขายังมีชีวิตอยู่
คนเรามีประสบการณ์ในชีวิตต่างกัน มีสังคมที่ต่างกัน ความชอบความสนใจต่างกัน ก็จะทำให้มีทัศนคติ,ความคิดและมุมมองจากการดูหนังหรือซีรี่ส์เรื่องที่แตกต่างกันไป
แต่เราเชื่อว่าหนังทุกเรื่อง ซีรีย์ทุกเรื่อง ต่างก็มีข้อคิดและข้อความที่จะสื่อเสมอ
หวังว่า Move to Heaven จะเข้าไปอยู่ในใจของใครหลาย ๆ คนและทำให้วันนี้ของทุกคนเป็นวันที่ดีขึ้นได้
Post Views: 3,411