Seasons Change ภาพยนต์ไทยในปี 2549 เป็นเรื่องที่อยู่ในใจของใครหลาย ๆ คน
ภาพยนต์แนวดนตรี ความรัก การตามหาความฝัน ทำในสิ่งที่ชอบ ซึ่งภาพยนตร์นี้เป็นของค่ายหนังชื่อดังอย่าง GTH ได้ผู้กำกับฝีมือดีของค่าย อย่าง คุณต้น นิธิวัฒน์ มากำกับ
ถ้าใครได้ตามหนังไทยอย่าง แฟนฉัน คิดถึงวิทยา หนีตามกาลิเลโอซึ่งเป็นผลงานของคุณต้น นิธิวัฒน์ ก็พอจะคุ้น ๆ กับความอบอุ่นที่หนังเรื่องนี้มอบให้แน่นอน
Seasons Change เพราะอากาศเปลี่ยนแปลงบ่อย
ป้อม กับ ดาว เคยอยู่โรงเรียนตอน มัธยมต้น มาด้วยกัน ป้อมแอบชอบดาว แต่ดาวไม่เคยรู้จักป้อมเลยตอน ป้อมรู้ว่าดาวจะไปอยู่มัธยมปลายที่มหิดลเรียนดนตรี ทำให้ป้อมตามดาวไปเรียน
แต่การตามไปของป้อมคือป้อมชอบดนตรีเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว แต่โกหกที่บ้านว่าเรียนสายวิทย์คณิต เพื่อจะได้เรียนแพทย์ตอนมหาลัย
ตอนที่ปฐมนิเทศป้อมดันไปเจอพ่อของ อ้อม พ่อของอ้อมสนิทกับพ่อป้อม ทำให้ป้อมต้องทำความรู้จักกับอ้อมเพื่อให้อ้อมช่วยโกหก
เพราะป้อมยังไม่อยากบอกพ่อ พอป้อมรู้จักอ้อมก็ทำให้สองสนิทกัน จึงเป็นความแปรปรวนของหัวใจของป้อม
ตัวละคร
ป้อม
นักเรียนมัธยมคนหนึ่ง ที่เข้าโรงเรียนดนตรีเพราะ ดาว เพื่อนร่วมชั้นที่ตัวเองแอบรัก เป็นคนที่มีพรสวรรค์ในการตีกลอง ในเรื่องจะเห็นได้ว่าป้อมชอบดนตรีสากล
แต่เปลี่ยนเวย์ตัวเองไปเล่นดนตรีคลาสสิคเพราะอยากอยู่ใกล้ ๆ ดาว สำหรับป้อมเปรียบเสมือน ฤดูฝน ที่แปรปรวน ยังไม่รู้ความชอบของตัวเองคืออะไร
ตัวป้อมมีความคิดความอ่านตามหลังเพื่อนคนอื่น ๆ เยอะมาก แต่หลัง ๆ มาจะเห็นว่าเริ่มคิดอะไรมากขึ้น เริ่มเข้าใจตัวเองมากขึ้น และเมื่อรู้จักตัวเองมากขึ้น เราก็เห็นว่าเขาเริ่มทำอะไรเพื่อตัวเองมากขึ้น
และนี่คือสาเหตุที่ทำให้เขาไม่ไปฮังการี เพราะฮังการีเป็นความฝันของดาว ไม่ใช่ความฝันของเขา ด้วยเหตุนี้เขาจึงเลือกที่จะถอนตัวจากการรับทุน แล้วเลือกกลับมาตามหาเส้นทางฝันของตัวเองให้ชัดเจนมากขึ้น
ป้อมเป็นตัวอย่างของนักเรียนหลาย ๆ คนเลย ที่ไม่รู้ว่าตัวเองชอบอะไร เพราะฉะนั้นระหว่างทางของการใช้ชีวิต การค้นหาตัวเองเพื่อให้รู้จักตัวเองมากขึ้นเลยสำคัญมาก ๆ
สิ่งสำคัญคือ ไม่ต้องกดดันตัวเอง ว่าคนอื่นเจอตัวเองแล้วเราต้องเจอให้เร็วเท่าเขา หรืออะไร เพราะทุกคนก็มีจังหวะการใช้ชีวิตที่ไม่เหมือนกัน
อ้อม
อ้อมเปรียบเสมือน ฤดูร้อน มีความสดใส ร่าเริง เป็นคนที่มีความเชี่ยวชาญทางด้านดนตรี แต่ทักษะการเล่นคือติดลบ แต่ความชอบของอ้อมก็ไม่ได้ทำให้เขาอยากที่จะเลิกเล่นดนตรี
อ้อมเคยบอกกับป้อมว่า แค่ได้ฟังดนตรีก็มีความสุขแล้ว อ้อมจึงเหมือนตัวแทนว่า ถึงแม้ว่าในสิ่งที่เรารักเราจะมีข้อบกพร่อง แต่เราก็สามารถเดินทางร่วมไปกับมันได้
ด้วยวิธีการของอ้อมคือไม่ต้องเล่นไวโอลิน หรือเล่นเครื่องดนตรีแต่เปลี่ยนเป็นการเรียบเรียงทำนอง ทำเพลงให้คนอื่นเล่น
ดาว
เป็นคนที่รู้จักตัวเอง และมุ่งมั่นมาก ๆ รู้ว่าชอบไวโอลิน ก็ไปจนสุดทาง ไปถึงต่างประเทศเลยในตอนท้าย
ดาวเปรียบเสมือน ฤดูหนาว มีความใฝ่ฝันอยากเป็นนักดนตรีมืออาชีพ มีความเพอเฟคชั่นนิส เราจะรู้สึกได้เลยตอนดูว่าดาวคือคนที่มุ่งมั่นในสายดนตรีจริง ๆ ตื่นมาซ้อมไวโอลิตตั้งแต่ตี 4
พอเรียนเสร็จก็ซ้อมถึงดึก เป็นคนที่เลือกจะเดินก้าวไปตามความฝันในดนตรีมืออาชีพจริง ๆ เป็นตัวแทนของคนที่มุ่งมั่นกับเส้นทางฝันของตัวเอง และเป็นตัวอย่างที่ผู้กำกับต้องการจะใช้บอกกับคนดูว่า
คนเราถ้าเชื่อมั่นในสิ่งที่ตัวเองเลือกที่จะทำ แล้วลุยกับมันอย่างเต็มที่ไปจนสุดทาง เราจะพบกับความสำเร็จในที่สุด
ข้อคิด
1.ไม่จำเป็นต้องเก่งในสิ่งที่เราชอบก็มีความสุขได้
ได้มาจากตัวละคร อ้อม เพราะอ้อมเป็นนักเรียนคนนึงที่ สามารถแยก note ดนตรี ได้ ซึ่งถือว่าเป็นความสามารถพิเศษเลย แต่พอเล่นเครื่องดนตรีอะไรก็เพี้ยนไปซะหมด
แต่อ้อมก็รักดนตรี แล้วก็มีความสุขในการเล่นดนตรีอยู่ดี
2. การค้นหาตัวเอง
บางทีเราก็ไม่รู้ว่าเราเก่งอะไร ลองรับฟังเสียงคนรอบข้างแล้วพัฒนาจากจุดนั้น ถึงจะไม่รู้ตัวเองตอนแรกก็ไม่เป็นไร หาตัวเองไปเรื่อย ๆ
เพราะสุดท้ายแล้วปลายทาง มันคุ้มค่า เหมือนที่ป้อมค้นพบตัวเอง ว่าอยากเป็นนักดนตรีจริง ๆ
3. การสนับสนุนจากคนที่เรารัก
หนังสะท้อนในมุมพ่อแม่ด้วย ที่เป็นห่วง กลัวว่าทางที่ลูกเลือกจะทำให้ลูกลำบาก แต่ตอนที่เพื่อนพ่อบอกว่า พ่อแม่อยู่กับลูกไปไม่ได้ตลอดหรอก
แต่สิ่งที่ลูกชอบจะอยู่กับลูกไปตลอด เป็นมุมมองนึงที่จริงมาก ๆ เลย ถ้าลูกไปสุดในทางที่ตัวเองเลือก จะทางไหนก็น่าภูมิใจทั้งนั้น
4. เวลามีความรักอย่าลืมที่จะเป็นตัวของตัวเอง
จากที่เห็นในเรื่องคือป้อมชอบดาว แต่ป้อมไม่เป็นตัวของตัวเองเลย วันหนึ่งที่ป้อมกับดาวได้มีโอกาสรู้จักกันมากขึ้น ดาวมักจะบอกให้ป้อมกินผักเพราะว่ามันอร่อย ป้อมที่ไม่ชอบกินผักก็ฝืนกิน
แต่สุดท้ายแล้วพอดาวรู้ว่าป้อมไม่ชอบ ดาวก็ถามว่า ไม่ชอบกินผักทำไมไม่บอก คิดว่าในมุมของอีกฝ่ายนึง ที่เขารักเราเหมือนกัน เขาอาจจะไม่ได้โอเคกับการที่เราฝืนตัวเองเพราะกลัวว่าเขาจะไม่ชอบก็ได้
เกร็ดความรู้
พูดถึงตัวละครป้อม อยากสอดแทรกจิตวิทยาความรักด้วย ว่าทำไมเวลาเรารักใคร เราถึงมองเห็นเขา เหมือนมีออร่าออกมาจากตัว? เจอแล้วหัวใจเต้น?
รายการเกาหลี All the butlers มีผู้เชี่ยวชาญทางสมองมาออก เขาบอกว่า ความรัก แบ่งได้ 3 ช่วงตามฮอร์โมนส์
ช่วงแรก อะดรีนาลีน ช่วงนี้ร่างกายเราจะถูกกระตุ้นอยู่ตลอด ทำให้มีอาการต่าง ๆ ที่ชัดที่สุดคือหัวใจเต้น เลือดสูบฉีด
ช่วงต่อมา โดพามีน ช่วงนี้ผู้เชี่ยวชาญเรียกว่า รักร้อนแรง จะเป็นช่วงที่เราหมกมุ่นมาก ๆ นึกถึงเขาตลอดเวลา
และ ช่วงสุดท้าย ออกซิโทซิน จะเป็นช่วงที่ความรักอยู่ในรูปแบบของความสบายใจ ต่างคนต่างทำอะไรของตัวเอง แค่อยู่ด้วยกันแบบสบาย ๆ ก็มีความสุขแล้ว ถ้าตามในหนัง ป้อมอยู่ในช่วงแรกเลยคือ อะดรีนาลีน
เพลงประกอบ
เชื่อว่าทุกคนต้องเคยได้ยินเพลง ฤดูที่แตกต่าง ที่เนื้อเพลงร้องว่า อดทนเวลาที่ฝนพรำ อย่างน้อยก็ทำให้เราได้เห็นถึงความแตกต่าง เป็นเพลงที่ดีมาก ๆ เลย
เป็นเพลงที่เวลาที่เรารู้สึกท้อ หรือหมดหวังอะไรสักอย่าง แต่อยากให้เราฮึบกับตัวเองไว้ เชื่อว่ามันไม่มีแค่สิ่งไม่ดีหรอก วันที่สดใสมันจะมาหาเราแน่ ๆ 😀
Post Views: 4,497