การใช้ชีวิตประจำวันของเรา ต้องมีบ้าง ที่มี “เรื่องไม่คาคคิด” เกิดขึ้น เราจะรับมือกับช่วงเวลาเหล่านั้นได้อย่างไร Serendipity Mindset ช่วยให้วันนั้นดีขึ้นได้อย่างไร
เวลาที่เราจะทำงาน ทำสิ่งต่าง ๆ ในชีวิตประจำวัน เรามักจะมีแพลนจัดวางสิ่งต่าง ๆ ไว้ในความคิด แต่ว่าชีวิตก็มีสิ่งที่หักมุมเสมอ สิ่งที่ไม่คาดคิดเหนือแผนที่เราวางไว้
เลยเป็นการตั้งคำถามว่าเราจะทำอย่างไร ทำสิ่งที่ไม่คาดคิดให้ดีที่สุดและเปลี่ยนผลลัพธ์ที่เราเรียกว่าวิกฤตให้ออกมาสวยงาม
Serendipity Mindset
Serendipity แปลว่า ความโชคดีที่ได้บังเอิญพบ,การมีโชคในการค้นพบสิ่งที่ต้องการโดยบังเอิญ,เหตุการณ์หรือโชคดีที่เกิดเอง
วิธีการมองโลกในแง่ของโอกาส โดยการเปิดใจเรียนรู้โอกาสจากสิ่งที่เกิดขึ้น เป็นวิธีคิดที่เตรียมความพร้อมให้กับเราในการรับมือกับผลลัพธ์ที่อาจไม่ได้คาดคิด
ด้วยการค้นหาประโยชน์จากผลลัพธ์และการสร้างความสุขจากโอกาสที่ไม่เคยคิดจะเกิดขึ้น ไม่ใช่เพียงแค่วิธีคิดเพื่อการพัฒนาตนเอง แต่เป็นแนวคิดที่เอื้อต่อการเติบโตและเปลี่ยนแปลงในชีวิตด้วย
จากในหนังสือ Serendipity Mindset จาก Christian Busch
Serendipity Mindset พูดเกี่ยวกับการตระหนักว่าเราสามารถเปิดรับสิ่งที่ไม่คาดคิด เกิดขึ้นโดยบังเอิญ และเตรียมพร้อมที่จะใช้ประโยชน์จากมันได้มากขึ้น หรือ การที่เราจะมองทุกอย่างเป็นโอกาส และความโชคดี
“The problem is not the problem. The problem is your attitude about the problem” – Captain Jack Sparrow “ปัญหาของปัญหานั้นไม่ใช่ปัญหา แต่เป็นวิธีคิดหรือทัศนคติของคุณที่มีต่อปัญหานั้น ๆ ต่างหาก
บนปัญหาเดียวกัน หากเรามีวิธีคิด หรือมุมมองที่ต่างกันออกไป ผลลัพธ์ หรือผลกระทบย่อมแตกต่างกัน การแก้ไข การยอมรับทุก ๆ อย่างแตกต่างกัน
มองกลับมาในช่วงเวลานี้ ที่ทุกคนตกอยู่ท่ามกลางวิกฤตเหมือนกัน ทุกคนรู้สึกถึงปัญหาต่าง ๆ ที่ถาโถม พรั่งพรูเข้ามาในแต่ละวัน
เทคนิคการสร้าง สิ่งที่ธรรมดา ให้เกิดเป็นประโยชน์และโอกาส จากหนังสือ Serendipity Mindset
1. พบปะผู้คนใหม่ ๆ
บทสนทนาที่มักเกิดขึ้น เช่น บางคนอาจถามว่า “ทำอะไร” สถานการณ์นี้เป็นโอกาสสำคัญที่จะทำให้เกิดสิ่งกระตุ้นโดยบังเอิญที่เกี่ยวข้องกับงาน ชีวิตส่วนตัว หรือเป้าหมายในอนาคต
ตัวอย่างเช่น อาจพูดว่า “ฉันชอบช่วยเหลือผู้คนในการเรียนรู้ ฉันร่วมก่อตั้งธุรกิจสามแห่งในการศึกษาดนตรีออนไลน์ แต่สิ่งที่ฉันชอบจริง ๆ คือการอ่านหนังสือดี ๆ”
การพบปะผู้คนใหม่ ๆ ได้คุยถึงความหลากหลายก็เป็นการเพิ่มความสนใจ งานอดิเรก หลายความคิดได้เหมือนกัน
2. คุยกับเพื่อนสนิท
ลองนึกภาพว่าเพื่อนแนะนำโอกาสในการทำงานให้ หากไม่สนใจ อาจตอบกลับอย่างว่า “ไม่” และคุยอย่างอื่น แต่เราอาจพลาดโอกาสบางอย่างไป
เช่น “ทำไมคน ๆ นั้นถึงคิดว่างานนี้เหมาะกับเรา” หรือ “พวกเขาพบปัญหาหรือความไม่พอใจกับงานปัจจุบันของเราที่เราไม่รู้จักหรือเปล่า”
บทสนทนาที่ดูเหมือนธรรมดาสามารถเปลี่ยนได้ด้วยการถามคำถามดี ๆ Serendipity มักจะต้องการให้เรามีบทบาทอย่างแข็งขันในการเปิดรับสิ่งที่ไม่คาดคิด
หากเราไม่เตรียมพร้อมสำหรับคำแนะนำ เราอาจมองข้ามโอกาสที่เปลี่ยนแปลงชีวิตได้
เทคนิคเปลี่ยนวิกฤตให้เป็นโอกาส
ความสุข ความยืดหยุ่น การมองโลกในแง่ดี ถ้าเราใช้ 3 ทักษะนี้ร่วมกัน เราจะสามารถนำไปปรับปรุงสิ่งที่เกิดขึ้นให้กลายเป็นโอกาสที่ดีได้
Be resilient
ความยืดหยุ่นจะไม่ควบคุมเรา แนวคิดแบบความยืดหยุ่นจะทำให้เราเป็นคนที่กล้าสลับความคิดไปมาตามสภาพแวดล้อมที่เราพบเจอ วิธีการสร้างความยืดหยุ่นทางความคิดที่นำมาฝาก
- ต้องไม่ตัดสินเพราะเราไม่รู้ว่าสิ่งนั้นอาจจจะดีหรือไม่ดีก็ได้
- คิดเป็นเปอร์เซนต์แล้วอาจจะพบว่าที่เราบอกว่าไม่ได้ก้าวหน้าเลย ไม่สำเร็จเลย อาจจะมีความก้าวหน้าก็ได้ไม่ใช่แค่ 0 หรือเต็ม 100 เพียงอย่างเดียว
- สถานการณ์ตอนนี้อาจจะไม่ดีแต่จะทำอย่างไรเพื่อทำให้ได้ดีขึ้น
Be more optimistic. Find the good in everything
เชื่อว่าทุกเรื่องที่เกิดขึ้นมันจะมีสิ่งที่ดีเกิดขึ้นเสมอ ถ้าบอกว่าให้มองโลกในแง่ดีในสิ่งที่เราไม่ได้ตั้งรับคงจะไม่ง่าย อย่างท้ายที่สุด
ก็ให้มองว่าเราได้บทเรียนอะไรจากเหตุการณ์นั้น ๆ เพื่อเป็นการเตรียมความพร้อมสำหรับเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดในวันข้างหน้า
Be more appreciative. Gratitude is the heart and key to happiness.
การขอบคุณตัวเอง คือหัวใจสำคัญของความสุข เหมือนที่เราเคยพูดเรื่อง Gratitude ไปว่า การที่เราฝึกขอบคุณตัวเอง ภูมิใจใจสิ่งที่เราทำลงไป
มันคือจุดที่ทำให้เราเริ่มมีความสุขกับตัวเอง ถึง เหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดของเราจะเป็นเหตุการณ์ที่ไม่ได้ดีงามจนเรารู้สึกภูมิใจแต่อย่างน้อยตัวเราก็สามารถแบกเราผ่านมาได้
รับมือกับสิ่งที่ไม่คาดคิด
เลือกและรับผิดชอบต่อการเลือกเสมอ
มนุษย์เราไม่สามารถควบคุมหรือกำหนดสถานการณ์ภายนอกที่เกิดขึ้นได้ทุกครั้ง แต่เรามี อิสรภาพที่จะ “เลือก” ว่าเราจะ “ตอบสนอง” ต่อสิ่งที่เกิดขึ้นอย่างไรได้เสมอ
และด้วยเหตุนี้เองเราจึงควรมีความรับผิดชอบต่อการทางเลือกและการกระทำของเรา ความรับผิดชอบในการกระทำที่เกิดขึ้นจากการเลือกของเราเองนี้คือคุณสมบัติขั้นพื้นฐานที่เราจะก้าวผ่านวิกฤตได้
โฟกัสสิ่งที่ควบคุมได้เลิกกังวลกับสิ่งที่ควบคุมไม่ได้
เมื่อโฟกัสในสิ่งที่ตนเองไม่สามารถควบคุมได้ และพยายามมองหาข้อแก้ตัว หรือสร้างการเปลี่ยนแปลงให้เกิดขึ้นได้ เทคนิคคือเราอาจเริ่มจากสิ่งเล็ก ๆ ก่อนที่เราสามารถควบคุมได้
แล้วพลังบวกจากการกระทำของเราจะส่งผลให้มีแรงสนับสนุนมากขึ้นจากคนรอบข้าง แน่นอนว่าบางเรื่องราววิกฤต มัน คือ วิกฤต เรื่องแย่ ๆ ที่เข้ามามันคือเรื่องแย่ ๆ
ที่เข้ามาอยู่อย่างนั้นหล่ะ จะให้พลิกอาจจะไม่ได้ การค่อย ๆ ยอมรับ และค่อย ๆ จัดการกับเรื่องราวนั้น คงเป็นทางออกที่ดีที่สุดสำหรับวิกฤตที่พลิกไม่ได้
Post Views: 1,400