Turning Red

แม้อาจไม่ดีพร้อม แต่เธอดีพอนะ Turning Red

เรื่องAdminAlljitblog

Turning Red เขินแรงเป็นแพนด้า จากดิสนีย์และพิกซาร์ สตูดิโอ โดยมี “โดมี ฉี” เป็นผู้กำกับ โดมีฉีได้เคยกำกับ ภาพยนตร์แอนิเมชัน Bao ที่คว้ารางวัล Oscar สาขาภาพยนตร์อนิเมชั่นสั้นยอดเยี่ยมมากำกับเรื่องนี้ด้วย

 

Turning red ได้รับแรงบันดาลใจมาจากชีวิตจริง ครอบครัวของเมยเมย ออกแบบมาจากชีวิตจริงของผู้กำกับที่มีเชื้อสายจีน เติบโตขึ้นมาในครอบครัวที่แม่มีลักษณะ Overprotective คือ ห่วงจนเกินเหตุ ปกป้องจนเกินพอดี

 

Turning Red

เรื่องราวของ เมยเมย เด็กผู้หญิงวัย 13 ปี ที่ใช้ชีวิตปกติในทุกวัน กินข้าวพร้อมหน้าพร้อมตากับพ่อแม่ เมยเมยคิดว่าทุกอย่างที่ทำคือความสุขแต่มาวันหนึ่งก็มีเหตุการณ์ที่ทำให้เมยเมยกลายเป็นแพนด้าแดง

 

ซึ่งเมยเมยจะกลายเป็นแพนด้าตอนที่ตัวเองรู้สึกควบคุมอารมณ์ตัวเองไม่ได้ ในเรื่องจะเป็นการเลี้ยงลูกแนวเอเชียมากๆ เป็นการสะท้อนเรื่องราวครอบครัวชาวเอเชียผสมผสานกับความแฟนตาซี

 

อัดแน่นมาด้วยมุกตลก และประเด็นเกี่ยวกับการก้าวข้ามผ่านช่วงวัยหรือ Coming Of Age 

 

ตัวละคร

1. เมยเมย

อายุ 13 รักอิสระ สดใส ร่าเริง ทำได้ทุกอย่างเก่งครอบคลุมมากๆ แต่เมื่ออยู่กับแม่ เธอก็กลายเป็นลูกสาวตามระเบียบของครอบครัว ทำให้เราได้เห็นมุมมองว่าเธอคือเด็กผู้หญิงคนนึงที่ดูธรรมดาแถมยังแบกความคาดหวังง

 

ที่เติบโตแบบสังคมของลูกเอเชีย ทุกคนจะเห็นได้ว่า เมยเมยไม่ได้ใช้ชีวิตแบบที่อยากใช้จริงๆ ค่อนข้างจะเก็บกดอึดอัดด้วยซ้ำ  

2. แม่

แม่เมยเมยเป็นตัวอย่างของ Overprotective คือแม่ที่ห่วงลูกเกินเหตุ จนทำให้มีบางการกระทำ ที่ทำให้ลูกรู้สึกอึดอัด อับอาย แต่ไม่ใช่ว่าไม่มีมุมที่ดีเลย

 

ในเรื่องก็จะมีหลายๆ เหตุการณ์ที่แม่เมยเมยน่ารักกับเมยเมยเหมือนกัน

3. พ่อ

 

เป็นพ่อ สนับสนุนลูกมากๆ ตอนเปิดวิดิโอที่ลูกเป็นแพนด้าแดงแล้วมีความสุขทำให้เมยเมย ได้คิดกับตัวเองว่าไม่จำเป็นต้องจำกัดแพนด้าแดงออกไป

 

น้องสามารถอยู่ร่วมกันได้เพราะแพนด้าแดงก็คือตัวตนของน้องอีกคนเหมือนกันพ่อคอยดูลูกเติบโตอยู่ห่างๆ อย่างห่วงๆ เป็นคนที่แสดงออกว่าเข้าใจลูกที่สุด อีกอย่างฉากที่ประทับใจมากๆ

 

คือ ตอนที่พ่อบอกเมยเมยว่า ‘คนเราก็มีทุกด้านแหละ บางด้านก็เละเทะ สิ่งสำคัญไม่ใช่การพยายามผลักไสด้านแย่ๆ ออกไป แต่เป็นการให้พื้นที่กับมันและอยู่กับมัน’  

4. เพื่อนๆ ของเมยเมย

มีเรียม ปรีญา แอ็บบี้ กลุ่มเพื่อนของเมยเมย น่ารักกันมาก ๆ คอยซัพพอร์ต เป็นพื้นที่ปลอดภัยให้เมยเมย ตอนนี้เมยเมยเป็นแพนด้าแดง ตอนแรกเมยเมยเกลียดตัวเองมากที่ไม่สามารถควบคุมมันได้

 

แต่พอได้เจอเพื่อน ได้คุยตัวเองก็ควบคุมได้ เพราะรู้สึกว่าตัวเองมีที่พักทางใจ สบายใจเวลานึกถึงเพื่อน ซึ่งฉากที่เมยเมยควบคุมตัวเองได้แล้วแม่ถามว่า ทำได้ยังไง

 

เมยเมยบอกว่า เมยเมยนึกถึงคนที่ทำให้เมยเมยสงบ ซึ่งเมยเมยโกหกว่านึกถึงแม่ แต่จริงๆ แล้วนึกถึงเพื่อนๆ  

5. โฟร์ทาว 

กลุ่มไอดอลผช 5 คน ที่เมยเมยและเพื่อนๆ ชอบ เป็นตัวละครที่เป็นแรงขับเคลื่อนให้เมยเมยและกลุ่มเพื่อนหาเงินไปดูคอนเสิร์ต ได้ใช้เวลาร่วมกัน บางเหตุการณ์ในชีวิตก็ต้องมีเพื่อนผ่านไปกับเราด้วย อีกอย่างโฟร์ทาวก็มีบทบาทในความสัมพันธ์ของเมยเมยกับแม่ด้วย เพราะเป็นเหตุผลที่ทำให้เมยเมยทะเลาะกับแม่

 

ข้อคิด

1. การสนับสนุนลูกเป็นเรื่องสำคัญ

อ้างอิงจากในหนังเรื่องอื่นๆ ส่วนใหญ่ตัวละครของ เด็กจะมีความไม่รู้จักตัวเอง ต้องค้นหาตัวเอง แต่เรื่องนี้กลับกันเลยคือตัวละครหลัก

 

เมยเมย รู้จักตัวเองดี รู้ว่าตัวเองมีนิสัยยังไง สนใจอะไร เพียงแต่ต้องใช้ความกล้าอย่างมากในการแสดงตัวตนออกมา อย่างในเรื่องนี้ การแสดงตัวตนออกมาเป็นเรื่องยาก

 

เพราะกรอบวัฒนธรรม รวมถึงค่านิยมและความคาดหวังจากครอบครัวในมุมพ่อแม่คิดว่าไม่ผิดเลย ที่จะคอยตักเตือนหรือคอยห้ามในบางพฤติกรรม ถ้าพฤติกรรมนั้นทำให้คนอื่นเดือดร้อน แต่ในส่วนของตัวตนลูก

 

นิสัยลูก ความสนใจของลูก ถ้ายอมรับและสนับสนุนคงดีมากๆ เพราะจะทำให้เด็กกล้าลองผิดลองถูก พร้อมสู้กับอุปสรรคต่างๆ ที่ผ่านเข้ามา และเรียนรู้ที่จะยอมรับผลที่ตามมาจากสิ่งที่เขาเลือกด้วย  

 

2. ‘การเอาใจเขามาใส่ใจเรา’

ในมุมพ่อแม่ เมื่อลูกโตถึงจุดหนึ่ง ต้องปรับตัวกับความเปลี่ยนแปลง การเอาใจลูกมาใส่ใจเราเป็นเรื่องสำคัญ

 

การปะทะกันระหว่าง เมยเมย และ แม่ กระทบใจจนต้องติด Trigger Warnings

ลูกสาวที่ทำดีมาทั้งชีวิตแต่แม่ไม่เคยไว้ใจ กับแม่ของเมยเมยที่ก็เคยผ่านเรื่องราวเจ็บปวดทะเลาะกับแม่แบบเดียวกันมาก่อนแต่กลับส่งต่อมายังลูก เมยเมย คือตัวแทนของลูกหลานชาวเอเชีย

 

ที่ไม่เคยโต้เถียงผู้ใหญ่ใดๆ เลย เป็นเด็กดีมาทั้งชีวิต จึงตกผลึกได้ว่าการที่เธอเชื่อฟังแม่มาตลอดนั้น คือการที่เธอจะไม่มีวันได้เป็นอิสระ

 

เพราะแม่คุมขังเธอด้วย “ความเป็นห่วง” และใช้คำว่า “ปกป้อง” มาเป็นเส้นกัันที่ไม่ให้เมยเมยได้ทำในสิ่งที่อยากทำ 

 

‘พ่อแม่รังแกฉัน’ น่าจะเป็นประโยคหนึ่งที่ได้ยินกันทั่วไป บางครั้งคำว่า ‘รังแก’ อาจไม่ได้หมายถึงการทำร้ายทางร่ายกายและจิตใจเท่านั้น อย่างในเรื่อง ความเป็นห่วงที่เกินพอดี บุ่มบ่ามทำอะไรลงไปโดยไม่ถามลูก

 

อาจทำร้ายลูกได้เหมือนกัน อย่างในฉากตอนที่ไปดุผู้ชายที่เป็นพนักงานร้านสะดวกซื้อ เพราะเข้าใจผิดว่าเขามาทำอะไรเมยเมย แล้วยังเอารูปที่เมยเมยวาด

 

ซึ่งเป็นรูปวาดเกี่ยวกับผู้ชายผู้หญิงแสดงความรักต่อกันไปโชว์ให้ดูด้วย ทำให้เมยเมยโดนล้อ เหตุการณ์อะไรแบบนี้สร้างปมให้เด็กได้ ซึ่งมันอาจจะพัฒนาไปเป็นนิสัยอะไรบางอย่างด้วย

 

เช่น ขาดความมั่นใจ ไม่กล้าทำอะไรเพราะกลัวว่าจะโดนล้อ กลัวไม่ได้รับการยอมรับ ซึ่งนิสัยพวกนี้เป็นปัญหาเมื่อโตขึ้น