จมอยู่กับความผิดพลาดในอดีต

จมอยู่กับ ความผิดพลาดในอดีต ไม่สามารถกลับไปแก้ไขได้

เรื่องAdminAlljitblog

เมื่อทำอะไรไม่ได้ดั่งใจบางทีมันก็เกิดเป็นความรู้สึกผิดเข้ามาด้วยและทำให้เราจมอยู่กับ ความผิดพลาดในอดีต

 

ในโลกปัจจุบันนี้ต้องอยู่ท่ามกลางสังคมแห่งการการแข่งขันการแก่งแย่งชิงดีทั้งยังต้องแบบกับความรู้สึกกดดันจากคนรอบข้าง

 

บทความนี้ Alljit Podcast X รัชดาภรณ์ ศรีวิลัย นักจิตวิทยาคลินิก พูดคุยทุกประเด็นในเรื่องสุขภาพใจ

ความผิดพลาดในอดีต ให้อภัยตัวเองไม่ได้

มนุษย์ทุกคนล้วนต้องไปเผชิญกับความรู้สึกผิดพลาดอย่างน้อยก็ครั้งหนึ่งในชีวิตไม่ว่าจะเป็นด้านการเรียน การทำงาน หรือแม้กระทั่งด้านความรักของเราก็ตาม

 

เพราะธรรมชาติของคนเราจะมีความคาดหวังต่อตัวเองในบางเรื่องอยู่แล้วหรือบางทีเราก็แอบไปคาดหวังกับคนอื่น

 

คนที่ยังคงติดอยู่กับความรู้สึกผิดในอดีตจนโทษตัวเองโลกของปัจจุบันในตอนนี้สิ่งที่มันเกิดขึ้นตรงนี้บางทีมันบั่นทอนจนทำให้ตัวเราเองไม่สามารถก้าวผ่านมันไปได้

 

ยิ่งไปกว่านั้นแล้วเวลาที่เรารู้สึกติดอยู่กับความผิดพลาดในอดีตเราก็ยังเผลอไปทำร้ายร่างกาย ทำร้ายจิตใจ หรือความรู้สึกของคนรอบตัวโดยที่เราไม่ได้ตั้งใจหรือว่าตั้งใจก็ตาม

 

มองย้อนกลับไปบางทีมันก็ดูเลวร้ายดูไม่น่าให้อภัย ความรู้ผิดกับตัวเองค่อย ๆ ก่อตัวเป็นความทุกข์ใจ เกิดการโทษตัวเอง บอกกับตัวเองว่าเราคือต้นเหตุของเรื่องราวทั้งหมด

 

บางคนอาจจะมีคำพูดกับตัวเองว่าหากย้อนเวลากลับไปได้จะไม่ทำแบบนั้นเด็ดขาดความรู้สึกผิดหรือความรู้สึกแย่กับตัวเองที่มันเกิดขึ้นการยอมรับสิ่งที่ตัวเองทำไม่ได้หรือแม้กระทั่งการก้าวผ่านความผิดพลาดของตัวเองไม่ได้

 

สิ่งที่เกิดขึ้นจะส่งผลต่อความรู้สึกแล้วก็ภาวะทางด้านจิตใจทั้งตัวเอง ซึ่งในความเป็นจริงแล้วเราสามารถรู้สึกผิดกับสิ่งเหล่านั้นได้

 

ความรู้สึกผิดพลาด ควรอยู่ในเวลาที่เหมาะสม

แต่ว่าความรู้สึกผิดเหล่านั้นมันควรอยู่ในช่วงเวลาที่มันเหมาะสม ควรเกิดขึ้นในเหตุการณ์ที่สมเหตุสมผลด้วยเราไม่ควรจมอยู่กับมันจนเกินไป

 

สาเหตุมันมาจากความสัมพันธ์ในครอบครัวในวัยเด็กโดยมาจากความเข้มงวดเกิน โดนดุ โดนด่ามากเกินไป บางบ้านอาจจะไม่ค่อยแสดงความรัก

 

มีแต่การกล่าวโทษมีแต่เรื่องความผิดพลาดที่ใส่ข้อมูลเข้าไปให้กับเขาเหล่านั้นหรือกลับบางคนอาจจะมีลักษณะของการรับรู้คุณค่าในตัวเองสูงเกินไป

 

ถ้าพูดถึงการรับรู้คุณค่าในตัวเองที่มันสูงเกินไปบางคนก็จะแสดงออกมาเป็นความมั่นใจในตัวเองที่มันมากเกินไปการคิด การแสดงออก ที่มันสูงเกินไปก็มักจะสร้างมาตรฐานให้กับตัวเองในระดับที่มันสูงเกินกว่าสิ่งที่เราจะสามารถทำมันได้

 

มีการสร้างแรงกดดันให้ตัวเองแบบที่เราไม่ได้ตั้งใจ เพราะว่าตัวเราเองมองว่าเราเก่งเราดีมาก ๆ แล้วมั่นใจมาก ๆ ความคาดหวังในตัวเองก็จะสูงตามมาด้วย

 

ซึ่งคนเหล่านี้เวลาที่มีความผิดพลาดบางอย่างเกิดขึ้นพวกเขามักจะให้อภัย ตัวเองได้ค่อนข้างยากแล้วก็มาจะคิดว่าตัวเองไม่เก่งเลย

 

ตัวเองไม่ได้เรื่องเลยหลังจากที่เจอกับความล้มเหลวเพียงแค่ครั้งเดียวซึ่งเป็นเหตุผลที่ทำให้พวกเขาเหล่ามักจะให้อภัยตัวเองได้ยากหรือกลับบางคนไม่เคยแม้กระทั่งจะให้อภัยตัวเองได้เลย

 

บางคนเวลาที่เรารู้สึกว่าเราขาดความยืดหยุ่นในตัวเองคนที่ทำอะไรอยู่ในกรอบทุกอย่างต้อง เป๊ะๆ ต้องเป็น 1  2 ต้องเป็น 2  3 รู้สึกว่าไม่ควรมีอะไรนอกเหนือจากสิ่งที่แพลนไว้เลย

 

เพราะถ้าเกิดอะไรขึ้นมาที่มันเป็นความผิดแปลกไปจากที่เราคิดหรือจากแผนที่เราได้วางไว้แล้วก็จะคิดว่าแผนที่วางไว้มันไม่สำเร็จมันคือความล้มเหลวมันคือความผิดพลาดแล้วก็มักจะมองสิ่งต่าง ๆ

 

ป็นที่มีแค่ขาวกับดำไม่มีสีเทาแต่ในชีวิตจริงของเราบางทีเรื่องบางเรื่องมันก็ไม่มีขาวไม่มีดำบางทีมันก็เทาขุ่น ๆ 

 

บางคนมีความคาดหวังกับตัวเองค่อนข้างสูงคนที่มีลักษณะ perfectionist หรือต้องการ ความสมบูรณ์แบบ ให้กับชีวิตคนเหล่านี้มักจะมีความเข้มงวด แล้วก็เคร่งครัดกับตัวเองมาก ๆ

 

จนเกินไปเป็นคนที่มีความรับผิดชอบสูงมากๆในขณะเดียวกันเพราะเขาทุ่มเทมาก ๆ ใส่ใจกับรายละเอียดมาก ๆ พอผิดพลาดอย่างเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ เขาก็มักจะโทษตัวเองแล้วก็จะไม่สามารถให้อภัยตัวเองได้แม้กระทั้งเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ

 

ที่มันเกิดขึ้นรู้สึกว่าทุกอย่างที่มันสร้างมามันพังทลายลงไปหมดเลยจริง ๆ การที่เราชอบ ความสมบูรณ์แบบ เรารู้สึกว่าความสมบูรณ์แบบ มันเป็นสิ่งที่ทำให้เราประสบความสำเร็จได้แต่อย่าลืมว่า

 

ไม่ว่าเป็นลักษณะไหนก็ตามมันก็มีทั้ง 2 ฝั่งมีทั้งขาว มีทั้งดำ ถ้าเรามองให้อย่างชัดเจนมากขึ้นเรามักจะเห็นเหรียญยังมีสองด้าน ลักษณะนิสัยของเราก็เช่นเดียวกันมันเป็นเรื่องที่ละเอียดอ่อนและมันก็ค่อนข้างซับซ้อนส่วนใหญ่

 

มันต้องอาศัยช่วงเวลาในการที่จะต้องรวบรวมกระบวนการที่จะทำให้เราเข้าใจตัวเองได้ว่าการที่เรายังคงรู้สึกผิดแล้วก็ยึดติดกับความผิดพลาดในอดีตของตัวเองจนไม่สามารถก้าวผ่านมันมาได้มันเกิดขึ้นได้ยังไง

 

ก่อนที่มันจะเป็นตัวของเราในตอนนี้กระบวนการในการเยียวยาการปรับสภาพจิตใจ มันอาจจะต้องใช้เวลาพอสมควร เหตุการณ์ในอดีตที่มันเกิดขึ้นแล้วบางทีมันเกิดขึ้นจริง

 

มันผิดพลาดจริง แล้วก็มันเป็นสิ่งที่เราไม่ควรจะทำ แต่การที่เรายังให้มันมารบกวนเราในโลกของปัจจุบันมันเป็นสิ่งที่ตัวเราเองอาจจะต้องทบทวนกับ

 

ตัวเองว่ามันเป็นแบบนั้นจริงหรือไม่บางทีเราอาจจะไม่สามารถกลับไปแก้ไขอะไรได้เลยแต่เราสามารถแก้ไขผลกระทบที่มันเกิดขึ้น ณ ปัจจุบันได้ เหตุการณ์ที่มันเกิดขึ้นแล้วแล้วมันมีผลกับปัจจุบันทำให้เราเป็นแบบนี้แล้วในปัจจุบัน

 

เราสามารถทำอะไรกับตัวเองได้บ้างเพื่อไม่ให้มันเกิดข้อผิดพลาดเหมือนในอดีตตรงนั้นได้อีก อาจจะต้องค่อย ๆ ปรับมุมมองกับตัวเองมองอดีตของเราที่มันเกิดขึ้นให้มันเป็นด้านบวกมากขึ้นด้วย

 

แน่นอนจะเป็นเหตุการณ์ที่มันแย่มาก ๆ หรือเป็นด้านลบมาก ๆ ก็ตามบางทีมันก็มีมุมเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่มันซ่อนความรู้สึกดี ๆ หรือข้อคิดดี ๆ

 

สามารถปรับเปลี่ยนด้านลบตรงนั้นมาเป็นเรื่องบวกบเพื่อให้ตัวเราเองสามารถลบภาพในอดีตหรือว่าทำภาพในอดีตที่มันเคยล้มเหลวให้มาสวยงามขึ้นมา

Related Posts