การมองโลกในแง่ดีเป็นสิ่งที่ดีกับตัวเราและสุขภาพจิตของเรามาก ๆ แน่นอนทุกคนคงอยากเป็นคนที่ คิดบวก
แต่บางครั้งเราก็อาจจะได้ยินคำว่า “โลกสวย” ตามมา แล้วคิดบวกกับโลกสวยมันเหมือนหรือแตกต่างกันอย่างไร ?
คนที่มองโลกในแง่ดี กับ คนที่มองโลกในแง่ร้าย
ก่อนที่จะไปทำความเข้าใจกับอาการมองโลกในแง่ร้าย หรือ ว่าทำให้เรารอดได้อย่างไร ขอย้อนกลับไปเรื่องการมองโลกสองแง่มุม ได้แก่ ผู้ที่มองโลกในแง่ดี (Optimism) กับผู้ที่มองโลกในแง่ร้าย (Pessimism)
ซึ่งจากการวิจัยและค้นคว้าต่าง ๆ ชี้ออกมาในทางเดียวกันว่า หากคนเราอยากมีความสุขจะต้องเป็นคนมองโลกในแง่ดี มองโลกให้สวยงามเท่านั้น เลยมีการศึกษาที่เรียกว่า Positive Psychology หรือจิตวิทยาเชิงบวก
ซึ่งเป็นแนวทางจิตวิทยาสมัยใหม่ในการศึกษาพฤติกรรมของมนุษย์ ที่เกิดจากอารมณ์เชิงบวกว่าทำให้คนมีความสุขได้อย่างไร ดีต่อสุขภาพและดีต่อสภาวะจิตใจได้อย่างไร โดยการอยากมีความสุขของมนุษย์นี้เอง
ซึ่งในทางตรงกันข้ามนั้น ความคิดลบแบบห่วย ๆ กลับมีการศึกษาและงานวิจัยเรื่องมนุษย์มีความสูงอายุตามสภาพจิตใจ (Psychological Aging) หมายถึง ‘ผู้สูงวัยที่มีมุมมองต่ออนาคตในด้านลบ’ และ ‘คนอายุน้อยที่มองโลกในแง่ร้าย’ นั้น
จะมีอายุยืนยาวกว่าพวกโลกสวยสุขนิยม อีกทั้งยังมีโอกาสที่จะมีอายุยืนยาว และมีสุขภาพที่ดีเพิ่มสูงขึ้นถึงร้อยละ 10 ในขณะที่คนที่เสียชีวิตตั้งแต่อายุยังน้อยมักเป็นพวกโลกสวย ไม่มองปัญหา ไม่มีความระแวดระวังในชีวิตเท่าที่ควร
งานวิจัยให้เหตุผลว่า คนมองโลกในแง่ร้ายหรือมองโลกโดยอาศัยพื้นฐานของความเป็นจริงนั้น จะคอยระมัดระวังป้องกันตนเองมากกว่า ยกตัวอย่างง่าย ๆ ค่านิยมของการใส่หน้ากากอนามัยของประเทศสหรัฐอเมริกา
ซึ่งชาวอเมริกันมีความเชื่อว่า คนที่สวมหน้ากากอนามัยคือคนป่วยเท่านั้น คนปกติเขาไม่ใส่กัน จึงทำให้ช่วงการระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ในปี 2020 ส่งผลให้ประชากรในประเทศสหรัฐอเมริกามีผู้ป่วยติดเชื้อโควิดนับแสนรายต่อวัน และเสียชีวิตนับล้านคน
โลกสวย กับ คิดบวก ต่างกันอย่างไร?
โลกสวย
โลกสวย หมายถึง พวกมองโลกในแง่ดีเกินไป จนกลายเป็นพวกมองโลกในแง่ดีเวอร์เกิน หรือหมายถึง คนที่มีโลกในอุดมคติของตัวเองอยู่แล้ว และปรารถนาจะให้โลกเป็นดั่งที่ใจต้องการ แต่กลับรับไม่ได้กับความจริงที่เกิดขึ้นบนโลกแห่งคาวมเป็นจริง ซึ่งตรงข้ามกับโลกในอุดมคติของพวกเขา
คิดบวก
คิดบวก หมายถึง การคิดถึงสิ่งที่ดีเพื่อเอาชนะความเครียด และความรู้สึกที่ไม่ดี ต่าง ๆ เช่น ความไม่พึงพอใจ ความเจ็บปวด ความทุกข์ทรมาน
ทำไมการ คิดบวก ถึงไม่ได้ดีเสมอไป
การคิดบวกเป็นเรื่องที่ดีถ้าเราคิดเป็น ซึ่งแน่นอว่าไม่ได้เกิดขึ้นกันง่าย ๆ แต่ต้องใช้ความพยายามและผ่านการฝึกฝน แต่สิ่งที่อาจจะส่งผลไม่ดีต่อตัวเราได้ นั่นก็คือ การที่เราพยายามจะคิดบวก พยายามกับมันมากจนเกินไป
แต่ยังไม่ได้ทำความเข้าใจกับตัวเองให้ดีพอ ว่าตอนนี้เรากำลังรู้สึกอย่างไร โกรธ เศร้า หรือไม่พอใจกับเรื่องอะไร เพราะฉะนั้นอันดับแรกเราอาจจะต้องเริ่มจากการทำความเข้าใจที่ตัวเราเองก่อน
จากนั้นค่อยพิจารณาต่อไปว่าเราสามารถมองเรื่องราวเหล่านั้นที่เกิดขึ้นให้ออกไปในทิศทางอื่นได้อีกหรือเปล่า
โลกสวย กับ คิดบวก ในมุมมองของพวกเรา
โลกสวยในมุมมองของเรา คือการที่เรามองทุกอย่างเกินตามความเป็นจริงมากจนเกินไป เกินจนแบบโอเว่อร์ เรียกได้ว่า เรื่องนั้นแทบจะไม่สามารถเป็นไปได้ หรือเกิดขึ้นได้จริง โลกสวย ก็คือ ใช้การจิตนตนาการหรือการอยู่ในโลกแห่งจินตนาการ
ส่วนคิดบวก คือการที่เราคิดถึงสิ่งที่ดี สิ่งที่เป็นไปได้ หรือมองตามหลักความเป็นจริงที่ยังสามารถเป็นไปได้จริงหรือเกิดขึ้นได้จริง การที่เรามองอีกด้านหนึ่งในทางที่เป็นไปได้จริง ๆ
คำว่า “ โลกสวย ” ควรพูดหรือไม่
คำว่า “ โลกสวย ” เป็นเหมือนคำพูดเหน็บแนม กระแหนะกระแหนคนอื่นในทางแง่ลบ ซึ่งแน่นอนว่าถ้าหากมีการใช้คำพูดนี้ไม่ถูกที่ ไม่ถูกเวลาหรือไม่ถูกกลาลเทศะ
การพูดคำว่า “ โลกสวย ” ใส่ใครแบบมั่วซั่ว ก็อาจกลายเป็นการที่เราไปพูดทำร้ายจิตใจของใครอีกคนหนึ่งได้ ซึ่งแน่นอนว่าคนพูดเองอาจไม่ทันได้คิดว่าจะเกิดผลดีหรือร้าย
เพียงแต่อาจจะต้องการหยอกล้อหรือพูดเล่นเฉย ๆ แต่ในความเป็นจริงเราไม่มีทางรู้ได้เลยว่าคนฟังเขาจะรู้สึกอย่างไร เขาจะโอเคกับสิ่งที่เราพูดไปหรือไม่
เพราะฉะนั้นลองเปลี่ยนจากคำว่า “ โลกสวย ” เป็นคำพูดอื่นแทนที่ทำให้คนฟังเขาได้ยินแล้วรู้สึกดีหรือไม่เป็นการทำร้ายจิตใจของเขาจะเป็นการดีที่สุด
หากมีคนพูดกับเราว่า “ เราโลกสวยเกินไป ”
อาจเริ่มจากการการแยกพิจารณาว่าคนที่พูดกับเราเขาคือใคร น้ำเสียง ท่าทางที่เขาแสดงออกมานั้นต้องการสื่อกับเราไปในทิศทางไหน ดีหรือไม่ดี หากเรารู้สึกว่า ไม่สบายใจกับการที่เขาพูดแบบนั้นกับเรา
อาจจะลองตั้งคำถามเพื่อไขข้อสงสัยว่าเพราะอะไรที่ทำให้เขาคิดว่า “ เราโลกสวยเกินไป ” ให้เขาช่วยอธิบายในสิ่งที่เขาพูด เพื่อที่เราจะได้ลองมาแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันเผื่อจะได้เห็นมุมมองใหม่ ๆ อีกมุม
จะแยกออกได้อย่างไรว่าแบบไหนเรียกว่า โลกสวย แบบไหนเรียกว่า คิดบวก
อาจจะแยกหรือพิจารณาตามสภาพแห่งความเป็นจริง อย่างเช่น โลกสวยก็อาจจะเป็นการที่พยายามมองว่าทุกสิ่งทุกอย่างเป็นสิ่งที่ดี เป็นเรื่องที่ดี ทั้ง ๆ ที่ความเป็นจริงมันไม่สามารถเป็นเรื่องที่ดีได้เลย
หรือเรียกอีกอย่างว่า ไม่มองโลกตามความเป็นจริง
ส่วนการคิดบวก อาจจะพิจารณาจากการคิดตามสภาพแห่งความเป็นจริงที่เป็นไปได้ อะไรผิดก็ว่าไปตามผิด อะไรถูกก็ว่าไปตามถูก ไม่ได้พยายามแยงในทุก ๆ เรื่องหรือพยายามคิดเกินโลกแห่งความเป็นจริง
แต่การคิดบวกคือการคิดถึงสิ่งที่ดีเพื่อเอาชนะความเครียด และความรู้สึกที่ดีต่าง ๆ เป็นความคิดที่เกิดจากการมองสิ่งต่าง ๆ อย่างเข้าใจ ยอมรับในสิ่งที่เกิดขึ้นกับตัวเราในทุกเรื่อง
และหากเป็นเรื่องที่ไม่ดีก็จะพยายามหามุมที่เป็นไปได้ในเชิงบวก ที่สามารถเป็นกำลังใจให้กับตัวเองได้ดี
โลกสวยและคิดบวกเป็นเหมือนนามธรรม ที่ไม่สามารถจับต้องได้ ไม่มีความคิดไหนที่บ่งบอกว่านั่นคือผิด หรือนี่คือถูก เพียงแต่ขอให้ความคิดเหล่านั้นไม่ได้ก่อให้เกิดเป็นปัญหาในการใช้ชีวิตของตัวเอง หรือไม่ได้ไปส่งผลเสียต่อชีวิตของคนอื่น
ดังนั้นการที่เราจะคิดบวกหรือคิดแบบบวกบวก เราสามารถทำตามแนวทางของตัวเอง ทำในสิ่งที่ตัวเองมีความสุข คิดในสิ่งที่ทำให้ตัวเราเองสบายใจได้อย่างไม่ต้องรู้สึกผิด
ที่มา:‘มนุษย์คิดบวก’ กับ ‘มนุษย์โลกสวย’ แบบไหนที่วัฒนธรรมสุขนิยมสอนให้คนแบกความสุขจนกลายเป็นพิษ (gqthailand.com)
Post Views: 5,764