อย่ารักคนอื่นแบบที่คาดหวัง

หวังดี กับเขาหรือเราแค่รักตัวเอง

เรื่องAdminAlljitblog

 ‘เพราะรักจึงหวังดี’ วลีสั้น ๆ ที่ถูกใช้เพื่อแสดงความจริงใจ

 

 

 

เพราะอะไร ความคาดหวังถึงมักเกิดกับคนใกล้ชิด

ความคาดหวัง แท้จริงแล้วมันก็คือ ความต้องการรูปแบบหนึ่ง ความอยากได้อยากมี ซึ่งถ้าถามว่าเรามีความต้องการได้ไหม

 

เจ้าความคาดหวังก็คือหนึ่งในความรู้สึกนึกคิดของมนุษย์ เพียงแต่บางสถานการณ์มันกลับเป็นความรู้สึกที่ไม่ค่อยน่ารักเท่าไร

 

และอย่างที่เรารู้กัน ถ้ายิ่งมีความคาดหวังเยอะ มันก็สามารถทำร้ายจิตใจเราได้ง่ายขึ้น 

 

ถ้าลองสังเกตดู หลายคนก็จะเห็นว่าเรามักคาดหวังกับคนที่อยู่ใกล้ตัวเรา ใกล้ชิดเรา ผูกพันกันกับเรา

 

ไม่ว่าจะครอบครัว คนรัก เพื่อน พี่น้องที่สนิท และก็จะขยายวงโคจรของความสัมพันธ์ที่กว้างออกไป

 

ซึ่งความใกล้ชิดทางความสัมพันธ์ที่ยิ่งห่าง ความคาดหวังมันก็จะน้อยลงแปรผกผันกับระยะห่างที่เพิ่มมากขึ้น

 

 

คาดหวังไม่ได้แปลว่าหวังดี แต่แปลว่าเรารัก ‘แต่’ ตัวเอง ?

ประโยคที่ว่า ‘เราชอบแบบไหนให้ทำแบบนั้นกับคนอื่น แต่อย่าคาดหวังว่าคนอื่นจะรู้ใจตัวเองไปซะหมด’ เพราะคนเราเติบโตมาต่างความคิด ความเชื่อกัน

 

คำว่าดีสำหรับเรา อาจไม่ได้ดีสำหรับทุกคน ถ้าเมื่อไรที่ความคาดหวังของเราทำให้เขารู้สึกอึดอัด … มันคือสัญญาณที่เราต้องกลับมาทบทวนตัวเองดี ๆ

 

สิ่งที่เราคาดหวังจากคนอื่นนั้น เป็นไปได้ไหมที่เขาจะทำให้เราได้ หรือเป็นไปได้ไหมที่เราจะทำให้ตัวเอง เริ่มแก้ไขที่ตัวเราเอง

 

คำว่าคาดหวัง ไม่ได้แปลว่าหวังดีเสมอไป การหวังดี มันคือการหวังดีด้วยความรัก ไม่ใช่เพื่อหวังควบคุมชีวิตอีกฝ่าย

 

ยิ่งถ้าเราขอร้องแกมบังคับให้ทำ นั่นถือเป็นพฤติกรรมของการเรียกร้อง ไม่ใช่พฤติกรรมของคนที่หวังดี

 

… ความหวังดี จะเป็นการพยายามเข้าใจและยอมรับตัวตนของอีกฝ่าย และผลของความหวังดี คือ การทำให้อีกฝ่ายเติบโตไปพร้อมกัน

 

เมื่อเรามอบความหวังดีให้แล้ว เขาจะทำหรือไม่ ก็ไม่ได้มีผลอะไรกับจิตใจเรา ต่างจากความคาดหวังที่เรามีความอยากให้เขาทำในสิ่งที่เราต้องการสูง

 

ถ้าเขาไม่ทำ เราจะกลับมาผิดหวังเจ็บปวดกับตัวเอง…

 

เหมือนที่ในหนังสือ The Awakened Heart (ฮาร์ท) ของ Dr. Gerald May ได้บอกไว้ว่า

 

ความคาดหวัง (expectation) อาจจะมีนัยเชิงลบและไม่ค่อยดีต่อสุขภาพเท่าความหวัง (hope)

 

ความคาดหวังเป็นเรื่องของการยึดติด ในความคาดหวังมักมีความผิดหวังแฝงอยู่ในตัวเอง และเมื่อความคาดหวังไม่เป็นอย่างที่คาด

 

ผลที่เกิดขึ้น ก็คือความไม่พอใจและความไม่สบายใจอย่างที่เราเป็น

 

การจะอยู่ในความสัมพันธ์ไม่ว่าจะความสัมพันธ์ใดก็ตาม ความหวังดีเปรียบเสมือนดาบสองคมเสมอ

 

เราควรหวังดีให้ถูกเรื่อง ถูกคน และถูกเวลาในระดับที่พอดี ถ้าเราหวังดีแต่อีกฝ่ายไม่ต้องการ

 

ความหวังดีที่เรามีแม้จะเป็นการทำเพื่อตัวเขาจริง ๆ มันก็จะกลับกลายเป็นเพียงความรำคาญที่ถูกสร้างขึ้นมาเป็นกำแพงในความสัมพันธ์

 

ซึ่งความจริงแล้ว การที่คนเราจะอยู่ด้วยกัน ถึงเราจะตั้งใจไว้ตั้งแต่แรกแล้วว่าเราจะไม่คาดหวังในตัวคน ๆ นี้

 

แต่สุดท้ายแล้ว แม้เราก็ทำเต็มที่แล้วที่จะไม่คาดหวัง แต่อย่าลืมว่า ความหวังดีหรือความปรารถนาดีที่จริงใจของเรา

 

มันสามารถเกิดขึ้นแทนได้เพราะความรักที่เรามี และขอให้จงมีต่อไป ไม่ว่าจะปรารถนาดีต่อตนเองหรือคนอื่นก็ตาม

 

เพราะอย่างน้อยหากเราเปลี่ยนความคาดหวังเป็นความหวังดี อาจฟังดูเข้าท่าและน้อมรับได้ง่ายกว่าความคาดหวัง

 

หากเขาเพิกเฉยต่อความหวังดีนั้น เราก็จะสามารถรักตัวเองต่อไปได้โดยไม่รู้สึกว่าเราผิดหวังเท่าไรนัก

 

เพราะฉะนั้น ก่อนเราจะบอกความหวังดีหรือความคาดหวังของเราไป เราต้องหยุดคิดไตร่ตรองดี ๆ ว่า

 

ถ้าเขาทำให้เราไม่ได้ เราจะโอเคไม่เป็นอะไรหรือเราจะไม่พอใจรึเปล่า แล้วเรารักตัวเองมากพอที่จะทำใจยอมรับได้ไหม

 

เพื่อที่เราจะแยกออกได้ว่าสิ่งนี้คือหวังดีหรือความคาดหวังที่มีต่อตัวเขา ที่สำคัญ อย่าเอาความผิดหวังที่ไม่ได้ดั่งใจมาทำให้เรากลายเป็นคนไม่น่ารัก

 

 

ลดความคาดหวังไปพร้อมกับการรักตัวเอง

สิ่งที่สำคัญที่สุดในการที่เราจะขับเคลื่อนตัวเองไปข้างหน้าได้ นั่นก็คือ การปรับความคิดซึ่งเป็นสิ่งสำคัญที่จะนำไปสู่การกระทำ

 

คงเคยได้ยินประโยคนี้บ่อย ๆ คำที่บอกว่า ‘ไม่คาดหวัง ไม่ผิดหวัง’ หรือ ‘ลดความคาดหวังลงสิ จะได้ไม่เจ็บมาก’

 

การลดความคาดหวังมันเป็นยังไง ฟังดูพูดง่ายแต่การลงมือทำนี่สิ มันต้องทำยังไง…

 

อาจเพราะความคาดหวังมันเป็นเรื่องของความรู้สึกนึกคิดของจิตใจ ทำให้เราอาจจะมองไม่ออกว่าแล้วเราควรลดมาถึงระดับไหนกัน

 

ไม่ใช่ว่าเราต้องห้ามมีความคาดหวังเลยในชีวิตเลย เราถึงจะมีความสุข ความคาดหวังก็ถือเป็นสิ่งที่นำพาเราให้ไปสู่ความสำเร็จในอีกรูปแบบหนึ่งเช่นกัน

 

ความคาดหวังของเราก็อาจจะไม่ได้รับการตอบสนองที่เติมเต็มจนเราอาจน้อยใจ หงุดหงิด หรือไม่พอใจ…การที่เราจะเปลี่ยนใครสักคนหนึ่ง

 

สิ่งหนึ่งที่เราต้องกลับมาทำความเข้าใจก่อน นั่นคือ เราเปลี่ยนใครไม่ได้ และยิ่งถ้าเขาเป็นคนแบบนั้นมาตั้งแต่ทีแรกและเรารู้อยู่แล้ว

 

แต่เป็นเราเองที่คาดหวังในตัวเขาเพิ่มมากขึ้น แม้จะเป็นการคาดหวังเพื่อให้เขาเป็นคนที่ดีขึ้นไม่ใช่แค่เพราะความพอใจของเรา

 

เขาก็อาจจะตอบสนองให้เราไม่ได้อย่างสมบูรณ์แบบอย่างที่เราตั้งเป้าไว้อยู่ดี เรื่องความเท่ากันของความคาดหวังในความสัมพันธ์

 

รู้สึกเราและพอดีในความรู้สึกเขา หาเวลามาพูดคุยกันเรื่อย ๆ บางทีการลดความคาดหวังลงมา

 

อาจจะเป็นเพียงแค่การสนุกไปกับสิ่งที่เกิดขึ้นระหว่างทางมากขึ้นพร้อมประคองสมดุลให้มันอยู่ในระดับที่เหมาะสม

 

ระดับที่เรารู้สึกพอดี พอใจ ระดับที่เรารู้ตัวว่าหากเกิดความผิดหวังขึ้นมา มันก็อาจจะเจ็บนิดหน่อยเป็นธรรมดา แต่เราจะไม่เป็นไรก็เท่านั้นเอง

 

 

สื่อสารความคาดหวังอย่างลดแรงกระแทก

เราจะสื่อสารความต้องการของเรายังไงไม่ให้กระทบความรู้สึกอีกฝ่ายมากไป อาจจะอยู่ที่คำพูดตอนที่สื่อสารออกไป

 

เราควรระวัง หลีกเลี่ยงการใช้คำที่สื่อถึงการบังคับให้ทำ เช่น “เราต้องการให้เธอลงสตอรี่ไอจีถึงเราบ้าง”

 

ลองเปลี่ยนเป็น “เรารู้สึกดีเวลาที่เธอลงสตอรี่เกี่ยวกับเรา เรารู้สึกสำคัญสำหรับเธอ”

 

หรือวิธีที่คุณยุนแดฮยอน ได้แนะนำไว้ในหนังสือ คือ ใช้ประโยคคำถามปลายเปิดแทนประโยคบอกเล่า

 

เช่น เปลี่ยนจาก “กลับบ้านดึกจัง (ซึ่งเป็นประโยคบอกเล่า) หรือ ไหนบอกจะกลับเร็ว ทำงานเกินเวลาอีกแล้วใช่มั้ย”

 

เป็นคำถามปลายปิด ให้ลองเปลี่ยนเป็น “ช่วงนี้งานเป็นไงบ้าง เห็นว่ากลับบ้านดึกบ่อย ๆ”

 

คำถามปลายเปิดจะช่วยให้คนที่ฟังเปิดใจพูดคุยได้มากกว่าการตอบแค่ใช่/ไม่ใช่ และช่วยลดความกดดันได้

 

เพราะเรามุ่งถามความเห็นของอีกฝ่ายด้วยกัน ทำให้เขาจะต่อต้านน้อยลง

 

และอาจนำไปสู่การร่วมกันแก้ไขปัญหา ซึ่งเขาก็จะยอมรับทำตามได้ง่ายขึ้นเพราะเป็นทางออกที่ตัดสินใจร่วมกัน

 

เพราะการสื่อสารเพื่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงเชิงบวก ต้องใช้เวลาในการอดทนรอคอย

 

และตระหนักไว้ว่า ถึงจะเป็นคำพูดที่ดีหรือถูกต้องแค่ไหน แต่ถ้าคนที่ฟังรู้สึกกดดันมากไป

 

เกิดความรู้สึกว่าเขากำลังถูกคาดหวังให้ทำอะไรบางอย่างอยู่ เขาอาจจะตีความเป็นความรู้สึกเชิงลบและต่อต้านตามสัญชาตญาณได้  

 

ถ้าเรารู้ว่าสิ่งที่เรากำลังคาดหวังอยู่นั้น เป็นสิ่งที่เปลี่ยนแปลงยาก เราก็อาจจะต้องใช้เวลาปรับตัวเพื่ออยู่กับสิ่งนั้นให้ได้

 

แต่หากเป็นสิ่งที่เราคาดหวังได้ เปลี่ยนแปลงได้ เราก็ต้องเตรียมพร้อมรับมือในวันนึงที่เราอาจจะผิดหวังกับสิ่งนั้นขึ้นมาด้วยเช่นกัน

 

เวลาทำความเข้าใจไปไม่มีอะไรสามารถได้ดั่งใจเราไปหมดทุกอย่าง ขนาดคาดหวังให้ตัวเองได้ดั่งใจตัวเอง บางทียังทำได้ยากเลย

 

เราก็มีชีวิตของเรา เขาก็มีชีวิตของเขา แต่ละเรื่องก็มีเงื่อนไขต่าง ๆ ที่เราควบคุมไม่ได้ บางทีเราแค่ยอมรับมัน ไม่ต้องไปถามหาเหตุผลก็ได้

 

ทุก ๆ ความสัมพันธ์ล้วนต้องการระยะห่าง การมีพื้นที่ของตัวเอง เลิกผูกความสุขเราไว้กับคนอื่น เพื่อใจเราเองที่จะเบาขึ้น สบายขึ้น

 

แล้วเราจะเห็นว่าเราเสียเวลาทุกข์ใจเรื่องคนอื่นไปแล้วกี่เรื่อง ขณะเดียวกัน ถ้ามันจะเกิดอารมณ์เชิงลบก็ให้มันเกิดขึ้น

 

อย่าต่อต้านหรือปฏิเสธเลย ขอแค่เราได้ฝึกทำความเข้าใจอาการตัวเอง และรู้ว่าต้องจัดการตัวเองยังไง

 

บางทีการรับฟังเสียงหัวใจตัวเอง ก็คือ การให้ตัวเองกลับคืนเหมือนกัน หรือบางครั้งพอไม่คาดหวัง เราก็อาจจะเจอความสุขที่ไม่เคยคาดคิดมาก่อนว่าจะได้เจอก็ได้